พรุ่งนี้ (4 ส.ค 2565) เวลา 9.00 น. สำนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรี นัดรายงานตัวครั้งที่2 นายวุฒิ บุญเลิศ และนายสุรชา บุญเยี่ยม (ผู้ต้องหาที่ ๑-๒) ต่ออัยการ
หลังจากทั้งสองตกเป็นผู้ต้องหาในคดีของสถานีตำรวจภูธรเมืองเพชรบุรี ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท คดีอาญาที่ ๙๐๖/๒๕๖๓ คดีระหว่างนายสุรพล นาคนคร (ผู้กล่าวหา)
สืบเนื่องจาก นายสุรพล (ผู้กล่าวหา) ได้แจ้งความร้องทุกข์กับสถานีตำรวจภูธรเมืองเพชรบุรี โดยอ้างว่าโพสต์ข้อความของนายวุฒิ และนายสุรชา (ผู้ต้องหาที่ ๑-๒) ซึ่งมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตน เป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พนักงานสอบสวน สน. เมืองเพชรบุรีจึงได้ดำเนินคดีอาญากับนายวุฒิ และนายสุรชา (ผู้ต้องหาที่ ๑-๒) ด้วยข้อหาดังกล่าว
เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2565 นายวุฒิ และนายสุรชา (ผู้ต้องหาที่ ๑-๒) ได้เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการ เนื่องจากโพสต์ข้อความของนายวุฒิ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นการนำข้อความจริงมากล่าวถึงสื่อสารมวลชน คือ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และตัวของนายสุรพล (ผู้กล่าวหา) เป็นผู้สื่อข่าวท้องถิ่นของ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ดังนั้นบุคคลทั้งสองเป็นสื่อมวลชนย่อมอยู่ในฐานะที่ประชาชนจะวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานได้ และการกล่าวถึงนายสุรพล เป็นการกล่าวข้อความจริงไม่ได้เสริมแต่ง และไม่ได้มุ่งให้ร้ายแก่นายสุรพล แต่อย่างใด อีกทั้งข้อความที่นายสุรชา (ผู้ต้องหาที่ ๒) โพสต์นั้นเป็นเพียงการรับทราบถึงข้อความที่นายวุฒิ (ผู้ต้องหาที่ ๑) โพสต์เท่านั้น
นายวุฒิ และ นายสุรชา เป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและนักข่าวสิทธิมนุษยชน ทำหน้าที่เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับกลุ่มชาติพันธุ์ และเรียกร้องสิทธิในที่ดินทำกินให้กับกลุ่มคนเปราะบางอีกด้วย คดีในครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่านักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้งสองถูกกลั่นแกล้ง โดยต้องตกเป็นเหยื่อเสียเองเพราะการแจ้งความร้องทุกข์ที่เป็นไปโดยไม่สุจริต ในลักษณะที่ใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือเพื่อปิดปากผู้ต้องหาทั้งสอง (SLAPPs) ไม่ให้ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก อันเป็นสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคนภายใต้เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
การฟ้องปิดปากเช่นนี้นอกจากจะสร้างความลำบากให้แก่ประชาชนและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกให้ตกเป็นเหยื่อจากการละเมิดมากขึ้นแล้ว คดีนี้ยังเป็นการดำเนินคดีที่มิได้ก่อประโยชน์ต่อสาธารณชนอันใด รั้งแต่จะสร้างความยุ่งยากและเป็นภาระให้กับทุกภาคส่วน
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอเชิญชวนให้สื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจ ติดตามการรายงานตัวต่ออัยการ ตามวันและเวลาดังกล่าว เพื่อติดตามว่า พนักงานอัยการจะมีความเห็นสั่งฟ้องคดีนี้หรือไม่