8 วันผ่านไป ศาลอาญายังไม่มีคำสั่งนัดวันไต่สวน กรณีธงชัย วินิจจะกูล ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนและยุติการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมต่ออานนท์ นำภา และผู้ต้องขังคนอื่น ๆ

วันนี้  (9 มิถุนายน 2568)  ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. ธงชัย วินิจจะกูล ได้ส่งหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เรื่อง ขอให้ทบทวนแนวปฏิบัติในการไต่สวนโดยพลัน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับให้บุคคลให้สูญหาย พ.ศ. 2565 มาตรา 26 หลังจากที่ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนและยุติการกระทำการปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา

ต่อมาเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ทนายความของศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. ธงชัย  หรือผู้ร้อง ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลกำหนดวันนัดไต่สวนพร้อมทั้งบัญชีพยานประกอบการไต่สวนต่อศาลเพื่อให้พิจารณากำหนดวันนัดไต่สวนตามวันที่ผู้ร้องสะดวก บัดนี้นับเป็นเวลา 8 วัน ที่ศาลอาญายังไม่มีคำสั่งกำหนดวันนัดไต่สวนหรือให้ผู้ร้องดำเนินการเรื่องนี้แต่อย่างใด 

สำหรับจุดประสงค์ในการยื่นคำร้องต่อศาลนั้น ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. ธงชัย กล่าวว่า ตนต้องการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัดและพิจารณาถึงความจำเป็น ความได้สัดส่วนในการใช้เครื่องพันธนาการต่อนายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชนฯ ซึ่งความร้ายแรงในการใช้เครื่องพันธนาการต่อผู้ต้องขังล้วนเป็นการตีตรา ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของผู้ต้องขัง  

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. ธงชัย กล่าวอีกว่า “ผู้พิพากษา อัยการ ทนายความ และวิญญูชนในห้องพิจารณาคดีล้วนเป็นอารยชนที่เข้าใจดีว่าการปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วยกันอย่างป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรมและย่ำยีศักดิ์ศรีเป็นอย่างไร น่าเวทนา น่ารังเกียจขนาดไหน การพันธนาการนักโทษที่ไม่ได้คิดหรือมีพฤติกรรมจะหลบหนี ย่อมเป็นที่สะเทือนใจต่ออารยชนอย่างเราทุกคน แล้วทำไมจะต้องสืบทอดการปฏิบัติอันป่าเถื่อนเช่นนั้นต่อไป”

นอกจากนี้ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. ธงชัย ยังระบุว่า การวิตกว่าผู้ต้องหาอาจหลบหนีนั้น โดยสถิติและโดยสามัญสำนึก เป็นไปได้น้อยมาก มีเพียงไม่กี่คดี การเหมารวมว่านักโทษส่วนใหญ่พยายามหลบหนีจึงต้องใช้เครื่องพันธนาการนั้นย่อมไม่ถูกต้อง เป็นการเหมารวมที่โหดร้าย โดยเฉพาะในกรณีของอานนท์ ที่ไม่ปรากฏพฤติกรรมหรือประวัติที่พึงสงสัยหรือพยายามหลบหนี อีกทั้งการที่อานนท์เป็นบุคคลที่สังคมนานาชาติให้ความน่าเชื่อถืออย่างมาก ย่อมถูกจับตามองจากสายตาของคนทั่วโลก การใช้เครื่องพันธนาการจึงอาจไม่เป็นผลดีต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย

การที่ศาลยังไม่มีคำสั่งตามที่ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องและปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปเป็นระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น ย่อมทำให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนที่เกี่ยวข้องเป็นวงกว้าง ผู้ร้องจึงขอให้ศาลทบทวนแนวทางปฏิบัติในการไต่สวนโดยพลัน ในฐานะศาลที่เป็นกลไกสำคัญในกระบวนการยุติธรรม  รวมทั้งผลักดันให้เกิดการทบทวนการบริหารจัดการกระบวนการยุติธรรม และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง

ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิผสานวัฒนธรรมจึงขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจร่วมกันติดตามคำสั่งศาลและกำหนดวันนัดไต่สวนอย่างใกล้ชิด เพื่อยืนยันว่าสำนักงานศาลยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์จะทำหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สิทธิของผู้ต้องขังได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายและหลักการด้านสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง

Author