เผยแพร่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562
ใบแจ้งข่าว
ศาลอาญามีนบุรี พิพากษายกฟ้อง คดีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เป็นโจทก์ร่วม ฟ้องนักวิชาการอิสระที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 เวลา 09.00 น. ศาลอาญามีนบุรี อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.6246/2561 กรณีพนักงานอัยการเป็นโจทก์ และนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง นายสมัคร ดอนนาปี อดีต ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ เเละนายวุฒิ บุญเลิศ หรืออาจารย์วุฒิ นักวิชาการอิสระที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง เป็นจำเลยที่ 1และที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าสินไหมทดแทน ในเรื่องที่อาจารย์วุฒิฯโพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊กเกี่ยวกับการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบไร่ชัยราชพฤกษ์ซึ่งอยู่ในเขตป่าที่มีชื่อพี่ชายของนายชัยวัฒน์ฯ เป็นผู้ครอบครอง นั้น
ศาลอาญามีนบุรี ได้พิจารณาพยานหลักฐานที่โจทก์ทั้งสองนำสืบแล้วนั้น เห็นว่า การโพสต์ข้อความของจำเลยที่ 1 และการแชร์ข้อความของจำเลยที่ 2 เป็นการโพสต์เพื่อตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น ทั้งข้อความดังกล่าวยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะทำให้โจทก์ร่วมเสียหายได้ พยานหลักฐายโจทก์ทั้งสองไม่มีน้ำหนักเพียงพอว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมตามฟ้อง และเมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามฟ้อง จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดชอบค่าสินไหมทดแทนตามที่โจทก์ร่วมฟ้องมาด้วย ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง และยกคำร้องของโจทก์ร่วมที่ให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
หลังฟังคำพิพากษาแล้ว นายวุฒิ บุญเลิศ จำเลยที่2 กล่าวว่า “ตนพอใจในคำพิพากษา โดยศาลได้พิจารณาเนื้อหาในข้อความตามโพสต์ที่ตนแชร์ ที่ว่า “ไร่ชัยราชพฤกษ์ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติพื้นที่สำรวจถือครองตามมติครม.30 มิ.ย.41 รวม 100 ไร่ การตรวจสอบและร้องเรียนโดยกรมป่าไม้ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน2559 อธิบดีกรมป่าไม้ (นายชลิศ สุรัสวดี) ได้มีหนังสือรายงานไร่ชัยราชพฤษ์ระบุชัดว่าไร่ชัยราชพฤกษ์มีเนื้อที่ประมาณ100 ไร่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ายางน้ำกลัดเหนือและป่ายางน้ำกลัดใต้ ตำบลสองพี่น้องอำเภอหนองหญ้าปล้องจังหวัดเพชรบุรี อยู่ในพื้นที่การสำรวจถือครองตามมติ ครม. 30 มิ.ย.41 มีนายไพโรจน์ ลิ้มลิขิตอักษรเป็นผู้ถือครองเนื้อที่ประมาณ 73 ไร่(พิกัด47P057298E1418060N(DATUMWGS84) ซึ่งกรมป่าไม้ต้องทวงคืนพื้นที่แต่อธิบดีกรมป่าไม้กลับเพิกเฉยไม่สั่งการใดๆให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายรวมทั้งยังขัดคำสั่ง คสช.64/2557 ข้อ3.ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบติดตามผลคดีป่าไม้และดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกทำลาย ให้คืนสภาพป่าไม้ให้สมบูรณ์ดังเดิมโดยประสานงานกับหน่วยงานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งภาคประชาชนและองค์กรชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการอย่างจริงจัง” ซึ่งจะต้องถูกลงโทษตามข้อ4 “เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดปล่อยปละละเลยหรือเข้าไปมีส่วนร่วมกับการกระทำความผิดตามกรณีดังกล่าวข้างต้นจะต้องถูกดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาดโดยทันที” ผมจึงเรียกร้องให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการตามคำสั่ง คสช.ที่ 64/2557 ต่ออธิบดีกรมป่าไม้กับพวกฯโดยด่วนที่สุดต่อไป” นั้นเป็นการกระทำโดยสุจริต เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ และเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ในฐานะประชาชนที่ต้องการเรียกร้องให้หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายหากพบว่าการครอบครองไร่ชัยราชพฤกษ์ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาตินั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย นั้นศาลก็ได้ตัดสินตรงตามเจตนาแท้จริงของตน ตามที่ตนได้เบิกความต่อศาลแล้ว ว่าที่ตนแชร์ข้อความดังกล่าว เพื่อต้องการให้หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐทำการตรวจสอบอย่างจริงจัง ว่าไร่ชัยราชพฤกษ์ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนนั้น คนที่ครอบครองได้มาโดยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม หากพนักงานอัยการจังหวัดมีนบุรี โจทก์ และนายชัยวัฒน์ฯ โจทก์ร่วมอุทธรณ์คดีต่อไป ตนก็พร้อมต่อสู้ยืนหยัดเจตนาเช่นเดิม และจะไม่หยุดทำงานสิทธิมนุษยชนในการช่วยเหลือพี่น้องชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่ได้รับความทุกข์ร้อนอยู่ ซึ่งรวมทั้งกรณีเจ้าหน้าที่อุทยานเผาที่อยู่อาศัย ที่ทำกินของปู่คออี้และของชาวบ้านกะเหรี่ยง และกรณีบิลลี่ถูกฆาตกรรมด้วย”
ติดตามเรื่องราวของคดีนี้ได้ ที่นี่ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม นายปรีดา นาคผิว ทนายความ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม
089-6222474
[:]