แถลงการณ์ เรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรค และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่อนุมัติพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกัน และปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. ๒๕๖๕
ตามที่เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. ๒๕๖๕ พ.ศ. ๒๕๖๖ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๖ ก่อนกฎหมายฉบับนี้จะมีผลวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ เพียง ๔ วัน
สาระสำคัญของ พ.ร.ก. แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกัน และปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.๒๕๖๕ พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้เลื่อนการบังคับใช้ มาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ และมาตรา ๒๕ ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าว กำหนดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องบันทึกภาพและเสียงตลอดเวลาที่เข้าตรวจค้น จับกุม ควบคุมตัว และขัง พร้อมกับแจ้งให้ฝ่ายปกครอง (อำเภอ) และอัยการทราบ ทำบันทึกการจับกุม สภาพร่างกาย และจิตใจของผู้ถูกจับ และควบคุมตัวโดยละเอียดเพื่อให้ญาติ และทนายความสามารถตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันการซ้อมทรมาน การอุ้มหาย อุ้มฆ่า และการกระทำทุจริตประพฤติมิชอบโดยเจ้าหน้าที่
โดย ครม. มีมติให้ชะลอการบังคับใช้ออกไปจนถึงวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอโดยให้เหตุผลว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการปฏิบัติการตามกฎหมายแจ้งว่า “ยังมีปัญหาและอุปสรรคเกี่ยวกับความพร้อมด้านงบประมาณการจัดหาเครื่องมือ และอุปกรณ์และขั้นตอนการปฏิบัติงานในการบังคับใช้พระราช
บัญญัติดังกล่าวซึ่งเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนซับซ้อน และมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิต และร่างกายของประชาชนโดยตรง หากมีการใช้บังคับกฎหมาย ขณะที่หน่วยงานยังไม่มีความพร้อมอาจเกิดผลร้ายต่อสังคมเป็นอย่างยิ่ง” นั้น
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) และองค์กรสิทธิมนุษยชน ดังรายนามท้ายแถลงการณ์นี้เห็นว่า การตราพระราชกำหนดดังกล่าวของ ครม. น่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ เนื่องจากเหตุในการออกพระราชกำหนดตามมาตรา ๑๗๒ ของรัฐธรรมนูญนั้น ต้องเป็น “กรณีฉุกเฉิน มีความจำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้” แต่ร่าง พ.ร.ก. ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว มิได้เป็นกรณีฉุกเฉิน มีความจำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะ ผบ.ตร. เคยออกคำสั่งที่ ๑๗๘/๒๕๖๔ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กล้องติดตัว บันทึกภาพ และเสียง ขณะทำการตรวจค้นจับกุม และการสอบสวน มาตั้งแต่ปี๒๕๖๔ แล้ว
ทั้งการเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายออกไป ก็มิใช่เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ ตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา ๑๗๒ แห่งรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด จึงมิใช่เป็นเหตุผลเพียงพอที่ ครม. จะตราพระราชกำหนดเพื่อเลื่อนการบังคับใช้ออกไป
พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ เป็นกฎหมายที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันประชาชนจากอาชญากรรมที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ได้แก่ การกระทำทรมาน การปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการบังคับให้บุคคลสูญหาย
การที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวออกไป แม้เป็นเพียงบางมาตรา แต่เป็นมาตราที่กำหนดมาตรการที่สำคัญในการปกป้องคุ้มครองประชาชนจากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ โดยการตราพระราชกำหนดที่ขดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในครั้งนี้นั้น แสดงให้เห็นถึงความ “ไม่เต็มใจ” (unwilling) ของรัฐบาลในการปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศในเวทีนานาชาติอย่างยิ่ง
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) และองค์กรสิทธิมนุษยชน ดังรายนามท้ายแถลงการณ์นี้ จึงขอเรียกร้องให้ พรรคการเมืองทุกพรรค และสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาไม่อนุมัติพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. ๒๕๖๕ พ.ศ. ตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอ ด้วยความเชื่อมั่นในศักดิ์ศรีของมนุษย์ สิทธิมนุษยชนและระบอบประชาธิปไตย
แถลง ณ วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566
1. สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.)
2. มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CRCF)
3. สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.)
4. มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (มสพ.)
5. กลุ่มนอนไบนารีแห่งประเทศไทย
6. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR)
7. กลุ่มด้วยใจ
8. คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)
9. เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ JASAD
10. เครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี HAP
11. ศูนย์ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนภาคอีสาน (ศสอ.)
12. มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ
13. มูลนิธิสายเด็ก 1387
14. มูลนิธิสถาบันเพื่อการรวิจัยและนวัตกรรมด้านเอชไอวี
15. มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ (FAR)
16. คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35
17. มูลนิธิส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนยชน (pro-rights)
18. มูลนิธิรักษ์เด็ก
19. มูลนิธิเพื่อยุติการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็ก