คืบหน้า! รมต. ยุติธรรมรับทราบกรณีส่งกลับ “อี ควิน เบดั๊บ” มอบหมายกรมคุ้มครองสิทธิฯ ดำเนินการต่อ

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF) ได้รับหนังสือแจ้งจากกระทรวงยุติธรรม ว่ารัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมรับทราบกรณีที่มูลนิธิเรียกร้องให้ยุติการส่งตัวนายอี ควิน เบดั๊บ ผู้ลี้ภัยและนักเคลื่อนไหวเพื่อกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเวียดนาม กลับไปยังประเทศเวียดนาม พร้อมมอบหมายให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายต่อไป

กรณีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 ประกายดาว พฤกษาเกษมสุข รองผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้มีหนังสือถึงรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย กรณีศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งพิพากษาให้ส่งนายอี ควิน เบดั๊บ ผู้ลี้ภัยชาวเวียดนาม กลับไปยังประเทศเวียดนาม ตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 ซึ่งทางมูลนิธิเห็นว่าคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์อาจไม่สอดคล้องกับหลักการของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ตามมาตรา 13 ที่ห้ามไม่ให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่รัฐขับไล่ ส่งกลับ หรือส่งบุคคลเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังอีกรัฐหนึ่ง หากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้นจะตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกทรมาน ปฏิบัติที่โหดร้ายฯ หรืออุ้มหาย อีกทั้งยังเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เนื่องจากเป็นการปราบปรามข้ามชาติ นอกจากนี้ยังมีหลักการห้ามผลักดันกลับ (Non-Refoulement) ที่เป็นกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศที่ผูกพันรัฐทุกรัฐในโลก จึงมีความประสงค์ขอให้ยุติการส่งตัวนายอี ควิน เบดั๊บ กลับไปยังประเทศเวียดนาม

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2568 ณัฐาศิริ เบิร์กแมน ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายอี ควิน เบดั๊บ และพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน เพื่อขอให้ กมธ. ดำเนินการเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการส่งตัวนายอี ควิน เบดั๊บ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปยังประเทศเวียดนามต่อไป 

อี ควิน เบดั๊บ เป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาของกลุ่มชาติพันธุ์มงตานญาร์ดในเวียดนาม ซึ่งลี้ภัยมายังประเทศไทยตั้งแต่ปี 2561 และได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ทว่าเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 นายเบดั๊บถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจับกุม โดยอ้างว่ามีคำขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนและศาลในประเทศเวียดนามมีคำพิพากษาลงโทษนายเบดั๊บฐานก่อการร้ายจากเหตุจลาจลในจังหวัดดั๊กลัก เมื่อปี 2566 แม้เขาจะให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 ศาลอาญาได้มีคำสั่งให้ขังตัวนายเบดั๊บเพื่อรอการส่งกลับไปรับโทษ แต่ขอให้รอการตัดสินใจของรัฐบาลต่อไป

ต่อมาเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ส่งกลับนายอี ควิน เบดั๊บ ไปยังประเทศเวียดนาม

กรณีการส่งตัวนายเบดั๊บกลับไปยังประเทศเวียดนาม ถือเป็น “การปราบปรามข้ามชาติ” (Transnational Repression) ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยรัฐ ซึ่งรัฐบาลต่างชาติใช้อำนาจกดปราบผู้เห็นต่างทางการเมืองข้ามพรมแดน อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการร่วมมือกันระหว่างรัฐในประเทศต้นทางและประเทศปลายทาง ในการส่งตัวผู้เห็นต่างกลับไปเผชิญภัยอันตราย และการประหัตประหารในประเทศต้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการทรมาน การบังคับสูญหาย หรือการฆาตกรรม ดังนั้น ในฐานะที่รัฐต้องปกป้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทุกคน มูลนิธิผสานวัฒนธรรมจึงขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนและประชาชนทุกคนติดตามความคืบหน้าของกรณีนี้ และจับตาดูการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้มีการส่งกลับผู้ลี้ภัย และยุติการปราบปรามข้ามชาติ ไม่ให้เกิดขึ้นกับผู้ใดอีกอย่างเด็ดขาด

Author