18 ส.ค. 68 ประกายดาว  จะเข้าให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนายฮวด พร้อมพยานหลักฐานอื่นๆ ต่ออัยการพิเศษฝ่ายสอบสวน 1 กรณีวันเฉลิม  ถูกบังคับสูญหายที่กัมพูชา  

18 สิงหาคม 2568 เวลา 11.00 น. ประกายดาว พฤกษาเกษมสุข บุคคลใกล้ชิดของวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมชาวไทยที่ถูกบังคับสูญหายในประเทศกัมพูชา เมื่อปี 2563 พร้อมด้วยทนายความจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม จะเข้าให้ข้อเท็จจริงต่อพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 สำนักงานอัยการสูงสุด ตลิ่งชัน เกี่ยวกับกรณีที่วันเฉลิมถูกบังคับให้สูญหาย รวมถึงให้การถึงบุคคลที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องต่อการบังคับสูญหายวันเฉลิม เพื่อนำไปสู่การแสวงหาข้อเท็จจริงและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐทั้งในไทยและนอกราชอาณาจักรที่เกี่ยวข้องกับการบังคับนายวันเฉลิมให้สูญหาย 

กรณีดังกล่าวนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2568 สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของวันเฉลิม พร้อมด้วยทีมทนายความจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้ยื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อสำนักงานอัยการสูงสุด เกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนายเคลียง ฮวด ล่ามคนสำคัญของสมเด็จฮุนเซ็นและอาจมีความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่รัฐไทย โดยหลักฐานประกอบด้วยคลิปจากสำนักข่าว AI Jazeera ที่ระบุว่านายเคลียง ฮวด มีความเกี่ยวข้องในการปราบปรามผู้เห็นต่างจากรัฐบาลกัมพูชาในประเทศไทย ซึ่งเป็นเบาะแสสำคัญในการระบุว่ามีผู้สั่งการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้มฆ่าหรืออุ้มเพื่อแลกเปลี่ยนตัวผู้เห็นต่างทางการเมืองระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชา โดยวันเฉลิมเป็นหนึ่งในผู้เห็นต่างทางการเมืองกับรัฐบาลไทยในยุคนั้นและถูกเจ้าหน้าที่รัฐไทยติดตามตัวอยู่

ต่อมาเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา สิตานัน ได้เข้าให้ข้อเท็จจริงต่อพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 สำนักงานอัยการสูงสุด ตลิ่งชัน เกี่ยวกับกรณีที่วันเฉลิมถูกบังคับให้สูญหายแล้ว อีกทั้งพนักงานอัยการได้แจ้งว่าจะทำหนังสือขอพยานหลักฐานและเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับคดีของวันเฉลิมไปยังประเทศกัมพูชา ตามสนธิสัญญาความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องอาญา (Mutual Legal Assistance Tready – MLAT) 

กรณีการบังคับสูญหายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์  เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563 โดยมีชายจำนวน 3-4 คน บังคับวันเฉลิมให้ขึ้นรถตู้สีดำ บริเวณหน้าคอนโดมิเนียม ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ซึ่งขณะนั้นวันเฉลิมกำลังคุยโทรศัพท์กับสิตานัน ซึ่งเป็นพี่สาว ซึ่งต่อมาไม่สามารถติดต่อวันเฉลิมได้อีก และไม่ทราบชะตากรรมของวันเฉลิมอีกเลย บัดนี้เป็นเวลากว่า 5 ปี ที่สิตานันได้ตามหาน้องชาย ผ่านกระบวนการศาลโดยแม้ในช่วงโควิด-19 ระบาดได้เดินร้องเรียนต่อศาลกรุมพนมเปญและทางการกัมพูชา ทันที ทั้งยังร้องเรียนกลไกต่างๆ รวมถึงกลไกระหว่างประเทศ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

มูลนิธิผสานวัฒนธรรมขอเชิญชวนสื่อมวลชนและประชาชน ร่วมกันติดตามการทำงานแสวงหาพยานหลักฐานของพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายสอบสวน 1 รวมถึงการทำงานของหน่วยงานรัฐอื่นๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าหน่วยงานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสามารถสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงและนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ และนำความยุติธรรมมาสู่ครอบครัววันเฉลิมได้ในที่สุด

Author