แถลงการณ์ คัดค้านการรัฐประหาร ปัญหาการเมืองไทยต้องแก้ไขตามครรลองประชาธิปไตย

จากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองไทยที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลกระทบจากความตึงเครียดตามแนวชายแดนระหว่างประเทศไทยกับรัฐบาลกัมพูชา รวมทั้งกรณีคลิปเสียงการสุนทนาระหว่างระหว่างนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายฮุน เซน โดยมีนายเคลียง ฮวดเป็นล่ามแปลภาษา ที่เผยแพร่ ทั้งในสื่อโชเชียลและสื่อสำนักต่างๆทั้งในและต่างประเทศ เมื่อวานนี้ (18 มิถุนายน 2568) ได้ก่อให้เกิดกระแสความไม่พอใจและความกังวลในหมู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง จนนำไปสู่การตั้งคำถามถึงเสถียรภาพและความชอบธรรมของรัฐบาลปัจจุบัน กระท่ังมีบุคคลบางกลุ่มพยายามสร้างกระแสเรียกร้องให้ทหารเข้าแทรกแซงทางการเมือง จนอาจทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับภัยรัฐประหารอีกครั้ง หนึ่งนั้น 

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ในฐานะองค์กรภาคประชาสังคมเพื่อสิทธิมนุษยชน เห็นว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จะต้องแก้ไขตามกระบวนการประชาธิปไตยเท่านั้น มูลนิธิฯ ขอคัดค้านการกระทำใดๆ ที่อาจจะนำไปสู่การรัฐประหารและการฉีกรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการทำลายหลักการประชาธิปไตยขั้นพื้นฐาน และเป็นการช่วงชิงอำนาจสูงสุดไปจากปวงชนชาวไทย ในอดีตที่ผ่านมา เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า การรัฐประหารไม่ได้แก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและปัญหาของประเทศชาติและประชาชนอย่างยั่งยืน แต่กลับยิ่งเป็นการซ้ำเติมวิกฤตการณ์ สร้างความแตกแยกทางการเมืองและในสังคมมากย่ิงขึ้น รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารได้นำพาประเทศไปสู่ความถดถอยทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ดังที่เราได้เห็นเป็นบทเรียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอดีต

มูลนิธิฯ ขอยืนยันว่า การแก้ปัญหาทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยต้องกระทำผ่านกลไกตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น ไม่ว่าสถานการณ์จะวิกฤตเพียงใด กองทัพหรือกลุ่มอำนาจนอกระบบไม่มีความชอบธรรมที่จะเข้าแทรกแซงกระบวนการทางการเมืองของพลเรือน หน้าที่ของทหารคือการพิทักษ์รักษาอธิปไตยของชาติจากการคุกคามของศัตรูนอกประเทศไม่ใช่การเข้ามาตัดสินหรือกำหนดทิศทางการเมืองของประเทศ

ในสภาวการณ์เช่นนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและเพื่อรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตย มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอเสนอให้รัฐบาล พรรคการเมือง และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด ดังนี้

  1. นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรจะต้องลาออก เพื่อให้บรรดาพรรคการเมืองร่วมกันสรรหาผู้นำและจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ย่อมเป็นหนทางที่นำไปสู่ความชอบธรรมและได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ทั้งในประเทศและจากนานาประเทศ
  2. ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องตระหนักและเคารพในสิทธิของประชาชนในการแสดงออกทางการเมืองโดยสันติ การรับฟังข้อเรียกร้องและความคิดเห็นที่แตกต่างกันเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างบรรยากาศแห่งการปรองดองและหาทางออกร่วมกัน

มูลนิธิฯ เชื่อว่าพลังของประชาชนและความยึดมั่นในครรลองประชาธิปไตยคือหนทางเดียวที่จะนำพาประเทศไทยก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้ ขอให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย และไม่ยอมรับการรัฐประหารซึ่งจะนำมาซึ่งความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติและประชาชนโดยเด็ดขาด

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม

19 มิถุนายน 2568

Author