ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 2 ให้ส่งคำร้องคดีขอให้ไต่สวนกรณีใส่โซ่ตรวนจำเลย ขึ้นสู่ศาลอุทธรณ์ หลังศาลฯ ยกคำร้องสองครั้ง
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง หลังศาลไม่รับอุทธรณ์ที่ไม่ไต่สวนกรณีเรือนจำระยองใส่โซ่ตรวนเท้าขนาดใหญ่จำเลย 13 คน ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 2 มีคำสั่งรับอุทธรณ์ดังกล่าว และให้ส่งสำนวนไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์ในฐานะผู้ถูกร้อง
ในคำร้องพรเพ็ญให้เหตุผลว่า เรือนจำกลางระยองให้จำเลย 13 คน เดินทางมาศาลด้วยชุดเครื่องแบบนักโทษพร้อมโซ่ตรวนที่เท้าทั้งสองข้าง ซึ่งการใส่โซ่ตรวนและชุดเครื่องแบบนักโทษเป็นมาตรการที่ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เกินสมควรและไม่ได้สัดส่วนกับความจำเป็น จึงร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยุติการกระทำการปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการไม่รับคำร้องและไม่ไต่สวนคำร้องนี้เป็นการตัดสิทธิของผู้ร้อง ผู้ต้องหา และผู้ถูกร้อง ที่จะมาให้ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ศาลสั่งคดีอย่างเป็นธรรม
คดีนี้นับเป็นหนึ่งในสองสำนวนจาก 9 สำนวน ที่ศาลชั้นต้นได้ส่งสู่ศาลอุทธรณ์พิจารณาตามคำร้องให้ไต่สวนกรณีการใส่โซ่ตรวนให้กับจำเลย นอกจากนี้ ยังเป็นหนึ่งในสองคดีแรกที่เป็นกรณีการทรมานทหารเกณฑ์จนนำไปสู่การเสียชีวิต และถูกนำขึ้นพิจารณาคดีในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งเป็นศาลพลเรือน ตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย
“การไต่สวนโดยพลันให้ได้ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจึงเป็นสาระสำคัญเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม แม้ว่าจำเลยทั้ง 13 คนจะไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าศาลหรือแม้แต่ต่อหน้าศาลอุทธรณ์ก็ตาม สิทธิของบุคคลที่ได้รับผลกระทำจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน ถูกย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไปนั้นย่อมมีคุณค่าที่จะได้รับการไต่สวนและการทบทวนคำสั่ง อีกทั้งศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบเป็นศาลที่จะต้องพิจารณาคดีในฐานความผิดตาม พ.ร.บ. นี้ ซึ่งมีข้อหาหนัก การปฏิบัติต่อผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาหรือต่อจำเลยในคดีอาญาจำต้องดำเนินการกระบวนการที่เป็นธรรม เคารพหลักยุติธรรม และเคารพหลักสิทธิมนุษยชนต่อทั้งผู้เสียหายและจำเลยในคดี ที่จะไม่ปล่อยและคนผิดลอยนวล แต่ทุกคนย่อมได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายอันมีนัยในการป้องปรามความรุนแรงโดยรัฐ ทั้งในเชิงโครงสร้างและการกระทำความผิดอาญาลักษณะนี้อย่างมีประสิทธิภาพต่อสังคมโดยรวม” พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ กล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 พรเพ็ญได้ยื่นคำร้องขอให้ยุติการกระทำการปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยการยุติการใส่กุญแจเท้าและโซ่ตรวนกับผู้ต้องขังโดยทันที ทว่าในวันเดียวกัน ศาลได้ยกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า “เนื่องจากคดีนี้มีจำเลยถึง 13 คน และเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง เจ้าหน้าที่ต้องดูแลความปลอดภัยและป้องกันการหลบหนี ย่อมจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีการควบคุมที่เหมาะสม ภายใต้ระเบียบข้อบังคับของทางราชทัณฑ์ ซึ่งมิได้เป็นการย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเป็นการไม่ชอบแต่อย่างใด เป็นการกระทำโดยชอบแล้ว ยกคำร้อง”
ต่อมาในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 พรเพ็ญได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งที่ยกคำร้อง จากนั้น ศาลได้มีคำสั่งว่า “ตรวจอุทธรณ์ของผู้ร้องแล้วเห็นว่า อุทธรณ์ของผู้ร้องมิได้โต้แย้งคำสั่งโดยชัดแจ้งว่าที่ศาลมีคำสั่งนั้น ไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างไร อีกทั้งข้อเท็จจริงที่ยกขึ้นอุทธรณ์ว่ามีการควบคุมตัวโดยไม่ชอบในระหว่างการพิจารณาได้สิ้นสุดไปแล้ว อุทธรณ์ของผู้ร้องจึงไม่เป็นสาระอันควรแก่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จึงไม่รับอุทธรณ์ผู้ร้อง”
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ ที่ศาลรับอุทธรณ์ทั้งสองฉบับ จะส่งผลให้อุทธรณ์เรื่องการยกคำร้องกรณีการใส่โซ่ตรวนและกุญแจเท้าให้กับผู้ต้องขังได้รับการพิจารณาโดยศาลสูง ตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 เพื่อนำไปสู่การสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง ดังนั้น มูลนิธิผสานวัฒนธรรมจึงขอเชิญชวนสื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจ ร่วมกันติดตามคำสั่งศาลอย่างใกล้ชิด เพื่อยืนยันว่าสำนักงานศาลยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์จะทำหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สิทธิของผู้ต้องขังได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายและหลักการด้านสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง

![[PR]อัยการสูงสุดสั่งยุติเรื่องร้องขอความเป็นธรรม กรณียุติการสืบสวนเหตุชัชชาญ บุปผาวัลย์ ถูกอุ้มหาย – ฆาตกรรม](https://i0.wp.com/crcfthailand.org/wp-content/uploads/2025/12/24-12-68-1-1.png?resize=218%2C150&ssl=1)
![[PR]ศาลกัมพูชาสั่งยุติการสอบสวนกรณีการบังคับสูญหาย “วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์” ที่ประเทศกัมพูชา เมื่อปี 2563](https://i0.wp.com/crcfthailand.org/wp-content/uploads/2025/12/23-12-68-1.png?resize=218%2C150&ssl=1)
![[PR]ลงโทษจำคุก 1 ปี ครูฝึก 2 นาย กรณีพลทหารกิตติธร เสียชีวิตหลังเข้ารับการฝึกเมื่อปี 2566](https://i0.wp.com/crcfthailand.org/wp-content/uploads/2025/12/18-12-68-1.png?resize=218%2C150&ssl=1)
![[PR]ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 5 นัดฟังคำพิพากษา กรณีพลทหารกิตติธร เวียงบรรพต เสียชีวิตหลังฝึกเกณฑ์ทหารเมื่อปี 2566](https://i0.wp.com/crcfthailand.org/wp-content/uploads/2025/12/17-12-68-1.png?resize=218%2C150&ssl=1)
![[PR]คืบหน้า! รมต. ยุติธรรมรับทราบกรณีส่งกลับ “อี ควิน เบดั๊บ” มอบหมายกรมคุ้มครองสิทธิฯ ดำเนินการต่อ](https://i0.wp.com/crcfthailand.org/wp-content/uploads/2025/12/15-12-68-1.png?resize=218%2C150&ssl=1)