ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชน กรณีการเสียชีวิตระหว่างการควบคุมตัวของ นายธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ “อดีตผู้กำกับโจ้”  เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 20.25 น. โดยเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองเปรมแจ้งว่าได้พบ นายธิติสรรค์ ได้ใช้ผ้าขนหนูผูกคอตนเองกับประตูห้องขังในแดน 5 โดยไม่มีการตอบสนองและไม่พบชีพจร เจ้าหน้าที่ได้พยายามช่วยเหลือแต่ไม่สำเร็จ ครอบครัวและทนายความของนายธิติสรรค์เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ นายธิติสรรค์ถูกกลั่นแกล้ง ข่มขู่และทำร้ายร่างกายโดยผู้คุม ขณะนี้ หลังผลการชันสูตรพลิกศพโดยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ครอบครัวจะจัดพิธีสวดอภิธรรมศพที่วัดพระศรีมหาธาตุ โดยจะสวดเป็นเวลา 7 วัน และยังไม่มีการกำหนดวันฌาปนกิจ เนื่องจากยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตโดยจะส่งศพให้แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ตรวจพิสูจน์ซ้ำอีกทางหนึ่ง 

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เป็นองค์กรสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ทำงานด้านการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การเข้าถึงความยุติธรรมของประชาชน ตรวจสอบและจดบันทึกกรณีการทรมาน การปฏิบัติอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการกระทำให้บุคคลสูญหาย เห็นว่าการเสียชีวิตในระหว่างควบคุมของนายธิติสรรค์ดังกล่าว รวมถึงข้อกล่าวหาว่ามีการทรมานนายธิติสรรค์ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุเสียชีวิต อาจเกิดจากความบกพร่องอย่างร้ายแรงโดยเฉพาะของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิในชีวิตและร่างกาย ที่จะไม่ถูกกระทำการทรมาน ซึ่งบัญญัติไว้ทั้งในกฎหมายภายในประเทศและระหว่างประเทศซึ่งไทยเป็นรัฐภาคี ได้แก่ รัฐธรรมนูญไทย พ.ศ. 2560 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 อนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ  (UNCAT) และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) 

นอกจากนี้ เมื่อมีการเสียชีวิตระหว่างควบคุมตัว รัฐมีหน้าที่สืบสวนอย่างอย่างรวดเร็ว เป็นอิสระ โปร่งใส เป็นกลาง และมีประสิทธิภาพ  ถือเป็นความรับผิดชอบด้านสิทธิมนุษยชนของรัฐ ซึ่งรวมถึงการรับประกันสิทธิในชีวิตและการห้ามการทรมานหรือการปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี การสืบสวนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการค้นหาสาเหตุที่นำไปสู่การเสียชีวิต ช่วยให้ครอบครัวได้รับการเยียวยา ปรับปรุงการบริหารจัดการเรือนจำหรือสถานที่ควบคุมตัว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันอีกในอนาคต

การเสียชีวิตที่ต้องสงสัยว่าที่มิชอบด้วยกฎหมายต้องได้รับการสืบสวนสอบสวนอย่างเป็นมืออาชีพอันเป็นการเคารพสิทธิในชีวิตของผู้ตาย มูลนิธิฯ จึงขอเรียกร้องให้กรมราชทัณฑ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ภายใต้กระทรวงยุติธรรม ดำเนินการดังต่อไปนี้

  1. สืบสวนอย่างอย่างรวดเร็ว เป็นอิสระ โปร่งใส เป็นกลาง และมีประสิทธิภาพ โดยครอบครัวของผู้เสียชีวิตต้องมีส่วนร่วมตลอดทั้งกระบวนการ ได้รับข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และสามารถเข้าถึงรายงานชันสูตรพลิกศพได้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ต้องเก็บรักษาพยานหลักฐานและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายร่างกายและการเสียชีวิตของนายธิติสรรรค์อย่างรัดกุม เพื่อป้องกันการดัดแปลงหรือทำลาย สอดคล้องตามหลักการมินนิโซตาโปรโตคอล (Minnesota Protocol)
  2. หากพบว่ามีการกระทำผิด รัฐต้องดำเนินการเอาผิดกับผู้กระทำ และชดเชยเยียวยาให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต รวมถึงการยอมรับความผิดพลาดและขอโทษต่อสาธารณะ
  3. ปรับปรุงและพัฒนาสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำและสถานที่ควบคุมตัว กฎหมายและกฎระเบียบและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งติดตั้งอุปกรณ์ที่เหมาะสมในการตรวจสอบเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น และฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้มีทักษะในปฏิบัติต่อผู้ต้องขังอย่างมีมนุษยธรรมและเคารพสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน ตลอดจนการป้องกันการทรมานและการเสียชีวิตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  4. ขอให้คณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายออกระเบียบว่าด้วยขั้นตอนการสืบสวนการเสียชีวิตในการควบคุมตัว เพื่อปฏิรูปกระบวนการไต่สวนการตายให้สอดคล้องกับพิธีสารมินนิโซตา ตามคำแนะนำของคณะกรรมการต่อต้านการทรมานแห่งสหประชาชาติ (CAT Committee) ที่เสนอต่อประเทศไทยเมื่อเดือนธันวาคม 2567

จึงเรียนมาเพื่อโปรดตรวจสอบและดำเนินการตามข้อเสนอแนะดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นหลักประกันในกระบวนการยุติธรรมและพิทักษ์สิทธิมนุษยชน และเพื่อเป็นการรับประกันว่าจะไม่มีใครตกเป็นผู้เสียหายจากการทรมานและการการปฏิบัติอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จนนำมาซึ่งการเสียชีวิตในระหว่างควบคุมตัว อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงอีก

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม

กรุงเทพมหานคร

10 มีนาคม 2568

Author