เมื่อวันที่ 24 พฤาภาคม 2567 มีการจัดเวทีเสวนาหัวข้อ “6 ตุลาถึงม็อบ63: บทบาทของรัฐต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากอดีตถึงปัจจุบัน” ภายในงาน “ความหวังหลังความเจ็บปวด : วังวนความรุนแรงทางการเมือง ผ่านเรื่องเล่าจากผู้ได้รับผลกระทบ” โดยมีวิทยากรเข้าร่วมแลกเปลี่ยนได้แก่
- สมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
- พูนสุข พูนสุขเจริญ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
- บุญแทน ตันสุเทพวีรวงศ์ ที่ปรึกษาประจำกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
- สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาววันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์
- นิกร จำนง คณะกรรมาธิการนิรโทษกรรม
- นภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปี 63
ผู้ดำเนินรายการ: ประกายดาว พฤกษาเกษมสุข
วันนี้มูลนิธิผสานวัฒนธรรมจึงได้รวบรวมความเห็นบางส่วนที่วิทยากรได้ร่วมแลกเปลี่ยนมานำเสนอ
สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาววันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์

“ประสบการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชน ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ส่วนตัวเราถูกละเมิดสิทธิเยอะมากจากการที่น้องชายหายไป จะเล่าถึงเหตุการณ์เด็ด เมื่อไม่นานมานี้ อดีตนายกทักษิณ ซึ่งอยู่ชั้น 14 และกลับบ้านไปที่จันทร์ส่องหล้า และมีฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา มาเยี่ยมที่จันทร์ส่องหล้า ด้วยความที่น้องชายเราหายไปจากที่กัมพูชา เราเลยทำหนังสือเพื่อจะไปถามฮุน เซน ว่าคดีของวันเฉลิมที่ถูกลักพาตัวที่กัมพูชาเป็นอย่างไรบ้าง เราไปไม่ถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า โดนตำรวจน่าจะหลายกองร้อยดักจับ ซึ่งเราไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาจะจับเราด้วยเหตุผลอะไร แล้วก็ขับรถตามเรา ช่วงเวลานั้น เราไปคนเดียว เราตื่นเต้นและกลัวมาก พยายามถามตำรวจที่คุมปฏิบัติการนี้ว่ามาจับเราทำไม เขาให้เหตุผลว่าเขาไม่ได้จับ แต่ล้อมเราไม่ต่ำกว่า 30 นาย เราก็สงสัยถามไปว่า ถ้างั้นเราก็ไปไหนไม่ได้ใช่ไหม เขาบอกไปไหนไม่ได้ไม่ให้ไปไหน”
“เราเป็นประชาชน เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ไปคนเดียว เราไม่ทราบว่ามันร้ายแรงขนาดไหน เราถามคนปฏิบัติการ เขาให้คำตอบว่าเราเป็น ‘ภัยต่อความมั่นคงของประเทศ’ ตอนนั้นตกใจมาก พูดไปยังสั่นอยู่เลย อยากส่งเสียงถึงรัฐบาลชุดนี้ว่าเราเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศเพราะอะไร ”
“4 ปีที่ผ่านมา ไปยื่นหน่วยงานต่างๆ ของรัฐทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ทุกที่ไม่มีใครให้คำตอบเราได้ เกี่ยวกับเรื่องของคดีหรือผู้ลี้ภัยที่ถูกยังคับให้สูญหายทั้งหมด 9 คน”
นภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปี 63

“ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สายน้ำโดนเกือบครบหมดทุกอย่างแล้วเหลือแค่ติดคุก ไม่ว่าจะเป็นโดนหมายเรียก หมายจับ ไปนอนอยู่สน. โดนตำรวจกระทืบ โดนตำรวจยิง โดนตำรวจซ้อม สำหรับตนเองเรื่องที่เจ็บใจที่สุด ไม่ใช่ที่ตัวเองโดน แต่คือการเห็นเพื่อนโดนจับ จนล่าสุดต้องไปงานศพเผาเพื่อนตัวเองที่ตายในคุก สำหรับเรื่องนี้สายน้ำเจ็บปวดมากกว่า เพราะเป็นเรื่องที่ไม่มีทางจะก้าวผ่านเรื่องนี้ไปได้”
“ในงานศพของบุ้งที่ผ่านมาทวี สอดส่อง รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม สัญญากับญาติกับคนในงานศพไว้ว่าจะให้คลิปกล้องวงจรปิดในขณะที่บุ้งปั๊มหัวใจและสอดท่อ แต่เมื่อเช้าที่สายน้ำเดินทางไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก็พบว่าเขาอ้างว่าให้ไม่ได้ เพราะเกี่ยวกับความมั่นคงเพราะมีผังเรือนจำอะไรอย่างนี้ ไม่รู้ประเทศนี้จะเอาอะไรนักหนากับความมั่นคงจนลืมถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนซะแล้วว่ามีคนตายจริงๆ ข้างในเรือนจำ ผมรู้สึกกระทรวงที่รับผิดชอบจริงๆ คือกระทรวงยุติธรรม ต้องมีคำตอบ ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เขาต้องมีคำตอบให้กับคนที่โดนกระทำ ไม่ใช่บอกว่าไม่รู้ หรือตอบว่าเป็นเรื่องภัยความมั่นคง”
พูนสุข พูนสุขเจริญ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

“รูปแบบของรัฐที่พยายามจำกัดเสรีภาพประชาชน เขาพยายามเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การใช้กฎหมายในรูปแบบต่างๆ หรือแม้กระทั่งเครื่องมือในการให้ประกันตัว ไม่ให้ประกันตัว ถอนประกันตัว หรือการติดกำไลEM อำนาจเครื่องมือในยามปกตินี่แหละที่ในทางหนึ่งก็ปกป้องคุ้มครองประชาชนในการให้ประกันตัว แต่พอเป็นคดีการเมือง คดีมาตรา 112 ถูกจับปล่อยถูกจับปล่อย กำหนดเงื่อนไขเพิ่มมากขึ้น ใส่กำไลEM ขังในบ้าน บุ้งเป็นคนหนึ่งที่พยายามใช้เครื่องมือสุดท้ายของตัวเองในการอดอาหารเพื่อเรียกร้องสิทธิในการประกันตัว เพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม แต่สุดท้ายเขาก็ได้รับเอฟเฟคจากการใช้เครื่องมือนั้น ถามว่าใครทำ คนอาจพุ่งเป้าที่ราชทัณฑ์ แน่นอนส่วนหนึ่งเพราะคุณเป็นคนคุมขัง และดูแลคนภายในควบคุมของคุณไม่ได้ ผิดอยู่แล้วแน่นอน แต่อีกคนที่ต้องรับผิดชอบคือศาลที่ไม่ให้ประกันตัว โดยที่คดีของบุ้งยังไม่มีคำพิพากษาในศาลชั้นต้นเลยด้วยซ้ำ เป็นผู้ต้องขังระหว่างพิจารณา ถ้าบุ้งได้รับสิทธิในการประกันตัว ถามว่าบุ้งจะเสียชีวิตไหมในวันนี้”
“พอเรามีรัฐบาลใหม่ รัฐบาลที่มีความเป็นพลเรือนมากขึ้น ไม่มีประยุทธ์อยู่ในอำนาจแล้ว ไม่มีทหารเป็น นายก เป็นรองนายกแล้วมันดีขึ้นหรือเปล่า ปรากฏว่าสถานการณ์ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาที่มีการเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว จำนวนผู้ต้องขังคดีในทางการเมืองเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ 43 คน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก ไม่ได้บอกว่ามันสัมพันธ์กัน รัฐบาลอาจจะบอกว่าเป็นเรื่องของศาล รัฐบาลทำอะไรไม่ได้ แต่ย้อนกลับไปช่วง 10 ปี รัฐบาลทำอะไรไม่ได้กับผู้ต้องขังทางการเมืองจริงหรือ?”
“การนิรโทษกรรมเป็นเพียงส่วนหนึ่งในเรื่องของการเยียวยา ในส่วนค้นหาความจริง มีใครพูดความจริงได้บ้าง ค้นหาความจริงไปไม่ถึง การนำคนผิดมาลงโทษยิ่งยากใหญ่”
สมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

“ถ้าหากเราถือหลักสากลหรือเหมือนทั่วโลก จริงๆ (พ.ร.บ.ซ้อมทรมานอุ้มหายฯ) ไม่จำเป็นต้องมี การที่เจ้าหน้าที่เอาตัวบุคคลไปคุมขังและซ้อมทรมานเพื่อให้รับสารภาพ ความจริงมันผิดกฎหมายอยู่แล้ว แต่เกิดเหตุต่างๆ ขึ้นในสังคมเมืองไทยมากในกรณีนี้ ในที่สุดกระทรวงยุติธรรมจึงเป็นแม่งานในการออกพ.ร.บ. ฉบับนี้ขึ้นมา”
“ในเรื่องการสร้างความรู้ความเข้าใจ กรมคุ้มครองสิทธิฯ ก็มีการส่งเสริมในเรื่องการให้ความรู้ สิทธิในการชุมนุม ภายหลังได้ร่วมกับสหภาพยุโรปและสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติจัดอบรมแก่เจ้าหน้าที่ที่ควบคุมฝูงชน ให้เขาได้รับรู้ว่าการควบคุมฝูงชนคืออะไร ไม่ใช่การไปปราบ เป็นการป้องปรามหรือป้องกันความรุนแรงหรือความอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย”
บุญแทน ตันสุเทพวีรวงศ์ ที่ปรึกษาประจำกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

(กรณี 6 ตุลาคม 2519, กรณี พฤษภาทมิฬ, กรณีท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ที่ยกตัวอย่างไปก่อนหน้า) “กรณีเหล่านี้ กระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้า บางครั้งก็บ่งบอกถึงความไม่ยุติธรรมเช่นเดียวกัน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงกรณีกรือเซะ กรณีตากใบ เป็นกรณีที่รัฐใช้อำนาจ…เหล่านี้เป็นความจริงที่ยังไม่ถูกเปิดเผย เป็นสิ่งที่รัฐต้องให้คำตอบ”
“ความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่เกิดขึ้นแต่ในรัฐไทย แต่ยังเกิดในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นใน พม่า เกาหลีใต้ และอื่นๆ ต่างเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน มีการสังหารโหด มีการสร้างความชอบธรรมในการเข่นฆ่าประชาชน ทั้งหมดนี้ ผู้ละเมิดคือเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของรัฐไม่ว่าจะเป็นทหารหรือตำรวจ เมื่อจะต้องมองหาบุคคลทำผิดก็ต้องอยู่เบื้องหลังกลุ่มคนดังกล่าว”
“ทิศทางของการสร้างความมั่นคงของรัฐต้องมีการปลับเปลี่ยนอย่างชัดแจ้งและนำมาสู่ความมั่นคงของประชาชนของมนุษย์แทน”
นิกร จำนง คณะกรรมาธิการนิรโทษกรรม

“ตั้งแต่สมัยเรียน ผมทำเยาวชนอาสา มีนิสิตจากจุฬาเป็นรุ่นพี่ร่วมกับเรา ปรากฏว่ามีเหตุการณ์ 14 ตุลา พี่ชายคนนี้ที่ช่วยดูแลเด็กๆ พวกเราชื่อพี่เบิ้ม เข้าป่า เขาเลือกเข้าป่า เพราะเขาทนสถานการณ์ 14 ตุลาไม่ได้ ผมมาทราบภายหลังว่าเขาถูกยิงเสียชีวิต ประสบการณ์ตรงนี้ทำให้รู้ว่ามันมีความรุนแรงในประเทศนี้ ซึ่งก็เหมือนกับบุ้งและอีกหลายคนตั้งแต่ 14 ตุลาปีนั้นมาถึงปัจจุบันนี้ ”
“ประเด็นความขัดแย้งยังเกิดขึ้นอยู่ระหว่างรัฐ หากดูองค์รวม 112 ที่เราคิดกันแล้ว ที่เราจะนำเสนอเข้ามา ต้องยอมรับว่าพรรคการเมืองเองตอนที่เขามาร่วมรัฐบาลเองเขาพูดถึง 112 ว่าอย่างไร ต้องอ่านให้ออกว่าจะทะลุไปถึงไหน สำเร็จแค่ไหน เขาบอกว่า 112 ไม่ยุ่งเลย ถ้าพ.ร.บ.นี้เข้า เราต้องประเมินด้วยว่าพรรคการเมืองเขาจะเอาอย่างไร เพราะกฎหมายนี้ไม่ใช่คณะกรรมการชุดนี้จะเขียนแล้วประกาศเป็นกฎหมาย ต้องเข้าสภา”
เมื่อมีการถามถึงประเด็นการรวมมาตรา 112 ในกฎหมายนิรโทษกรรม
“ในความเห็น 112เอง ที่กำลังทำตอนนี้เพราะมีการดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม มันเป็นกฎหมายวิธีพิจารณาอาญา หรือ112 กันแน่ ถ้าเราไปแก้วิธีพิจารณาคดี ตำรวจทำแบบนี้ไม่ได้ เฉพาะกรณีเกี่ยวกับความผิด 112 เราเขียนได้ มันเป็นกฎหมายอีกฉบับ กฎหมาย 112 มันเกี่ยวกับแก่นของสถาบันเรื่องความมั่นคง พอเราไปจี้ตรงนั้น เรากำลังแกล้งยิงให้ผิดเป้าหรือไม่ เพราะจริงๆ แล้วปัญหาที่มีคือปัญหาการบังคับใช้ที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ ”

![[PR]อัยการสูงสุดสั่งยุติเรื่องร้องขอความเป็นธรรม กรณียุติการสืบสวนเหตุชัชชาญ บุปผาวัลย์ ถูกอุ้มหาย – ฆาตกรรม](https://i0.wp.com/crcfthailand.org/wp-content/uploads/2025/12/24-12-68-1-1.png?resize=218%2C150&ssl=1)
![[PR]ศาลกัมพูชาสั่งยุติการสอบสวนกรณีการบังคับสูญหาย “วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์” ที่ประเทศกัมพูชา เมื่อปี 2563](https://i0.wp.com/crcfthailand.org/wp-content/uploads/2025/12/23-12-68-1.png?resize=218%2C150&ssl=1)
![[PR]ลงโทษจำคุก 1 ปี ครูฝึก 2 นาย กรณีพลทหารกิตติธร เสียชีวิตหลังเข้ารับการฝึกเมื่อปี 2566](https://i0.wp.com/crcfthailand.org/wp-content/uploads/2025/12/18-12-68-1.png?resize=218%2C150&ssl=1)
![[PR]ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 5 นัดฟังคำพิพากษา กรณีพลทหารกิตติธร เวียงบรรพต เสียชีวิตหลังฝึกเกณฑ์ทหารเมื่อปี 2566](https://i0.wp.com/crcfthailand.org/wp-content/uploads/2025/12/17-12-68-1.png?resize=218%2C150&ssl=1)
![[PR]คืบหน้า! รมต. ยุติธรรมรับทราบกรณีส่งกลับ “อี ควิน เบดั๊บ” มอบหมายกรมคุ้มครองสิทธิฯ ดำเนินการต่อ](https://i0.wp.com/crcfthailand.org/wp-content/uploads/2025/12/15-12-68-1.png?resize=218%2C150&ssl=1)