ศาลแพ่งนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา 2 ส.ค. 65 คดีร้อยตรี สนาน ทองดีนอก เสียชีวิตระหว่างฝึกหลักสูตรทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ (UKBT) รุ่นที่ 11
พรุ่งนี้ (2 ส.ค 2565) เวลา 8.30 น. ณ ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร ศาลแพ่งนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีการะหว่าง นางหวาน ทองดีนอก (มารดา) โจทก์ที่ 1 และนางสาวธัญญารัตน์ วรรณสถิต (ภรรยา) โจทก์ที่ 2 กับกองทัพบก จำเลย คดีร้อยตรี สนาน ทองดีนอก เสียชีวิตระหว่างการฝึกอบรมหลักสูตรทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ (UKBT) รุ่นที่ 11 เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2558 โดยศาลแพ่งรับฟ้องคดีดังกล่าวเป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.2580/2559
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 กองทัพบก (จำเลย) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อขออนุญาตฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาจำเลยเป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 จึงมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยฎีกา และรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณากับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา อ่านคำสั่งเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2564
ก่อนหน้านี้ ศาลแพ่งได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยคำวินิจฉัยศาลเห็นว่า ในฐานะครูฝึกหากมีปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้ฝึกอบรมน่าจะใช้ดุลพินิจยุติการฝึกได้ หากแต่ครูฝึกเลือกจะไม่กระทำ ซึ่งร้อยตรีสนานฯ เป็นทหารใต้บังคับบัญชา และเข้าฝึกอบรมย่อมต้องอยู่ในระเบียบวินัย และเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาคือครูฝึกในขณะนั้น
การที่ร้อยตรีสนานฯ ผู้ตายยังคงฝืนว่ายน้ำต่อไปทั้งที่กำลังหมดแรงจึงเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นหัวหน้าครูฝึกไม่สามารถใช้เหตุนี้อ้างได้ว่า เหตุเกิดขึ้นเพราะร้อยตรีสนานฯ พยายามว่ายน้ำต่อไปโดยไม่ขอยุติการว่ายน้ำ เมื่อหัวหน้าครูฝึกเห็นว่าผู้ตายอยู่ในสภาพที่อ่อนแรง และแสดงอาการว่าจะไม่สามารถว่ายน้ำได้ครบตามรอบที่กำหนดไว้ แต่ยังคงทำการกระตุ้นทำนองบังคับให้ผู้ตายว่ายน้ำต่อไปจนครบรอบที่กำหนด โดยไม่ปรึกษาหน่วยแพทย์ที่มีอยู่หรือใช้ดุลพินิจยุติการทดสอบ
จนเป็นเหตุให้ร้อยตรีสนานฯ ว่ายน้ำต่อไปไม่ไหว และจมน้ำถึงแก่ความตาย ถือเป็นการกระทำละเมิด จำเลย (กองทัพบก) ต้องรับผิดตาม พ.ร.บ. ความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 มาตรา 5 วรรคหนึ่ง กำหนดให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ทั้งสอง
ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์สั่งให้กองทัพบกจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ทั้งสองโดยศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้ชดใช้ค่าเสียหาย ค่าปลงศพ ค่าขาดไร้อุปการะ และค่าขาดแรงงานในครัวเรือน แก่โจทก์ทั้งสอง (มารดาและภรรยา) นั้นเหมาะสมแล้ว จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
หลังจากให้ศาลชั้นต้นรวบรวมสำนวนส่งคืนศาลฎีกาเพื่อดำเนินการต่อ ศาลฎีกา ได้กำหนดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ในวันที่ 2 ส.ค. 2565 นี้ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม จึงขอเชิญชวนให้สื่อมวลชน และประชาชนที่สนใจ ติดตามเข้าฟังคำพิพากษาในคดีนี้ตามวัน และเวลาดังกล่าว