24 มิ.ย. สนง. อัยการจังหวัดพัทยาเรียก ผอ. มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ผู้เชี่ยวชาญ พ.ร.บ. ทรมานฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติม 

กรณีพลทหารศิริวัฒน์ เสียชีวิตหลังเข้ารับการเกณฑ์ทหาร  

พรุ่งนี้  (24 มิถุนายน 2568) เวลา 14.00 น. พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม จะเดินทางไปยังสำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา เพื่อให้การเพิ่มเติมในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ หลังมารดาพลทหารศิริวัฒน์ ใจดี แจ้งความร้องทุกข์ต่อศูนย์ป้องกันการทรมานฯ อาจเข้าข่ายกระทำทรมานและกระทำในลักษณะย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ปฏิบัติอย่างโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 มาตรา 5 และ 6 กรณีที่พลทหารศิริวัฒน์ ใจดี สังกัดกรมสารวัตรทหารเรือ กองทัพเรือ เสียชีวิตหลังเข้ารับการฝึกทหารเกณฑ์ผลัด 1/2567  

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 นิชนันท์ วังคะฮาต อดีตผู้สมัคร สส.ชลบุรี และปณิตา ทองเช้ม พี่สาวของพลทหารศิริวัฒน์ ใจดี ได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมาธิการการทหาร กรณีพลทหารศิริวัฒน์เสียชีวิตระหว่างการฝึก ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 โดยญาติได้ข้อมูลจากเพื่อนทหารว่า วันเกิดเหตุพลทหารศิริวัฒน์ถูกฝึกและถูกสั่งให้วิ่ง ก่อนที่ร่างกายจะทนไม่ไหว ทำให้หน้ามืดและมีอาการชัก  หลังจากนั้นมีเพื่อนพลทหารเห็นว่า ครูฝึกเตะไปที่ขาและซี่โครง พร้อมทั้งตบหน้าของพลทหารศิริวัฒน์ ต่อมาพลทหารศิริวัฒน์มีอาการหมดสติ และไม่มีการนำตัวไปรักษาโดยทันที กลับปล่อยให้พลทหารศิริวัฒน์นอนตากแดดอยู่ที่บริเวณลานปูน โดยไม่มีการปฐมพยาบาลใดๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง แล้วจึงนำส่งโรงพยาบาล จนกระทั่งเสียชีวิตในภายหลัง 

หลัง พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ บังคับใช้มากว่า 2 ปี มูลนิธิได้ติดตามข่าวกรณีการเสียชีวิตของทหารเกณฑ์และการละเมิดสิทธิมนุษยชนของทหารเกณฑ์ผลัดใหม่ ซึ่งปรากฏในสื่อออนไลน์เป็นจำนวนหลายกรณี นอกจากนี้ มูลนิธิยังได้ใช้กลไกตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ ตามมาตรา 29  ในฐานะผู้พบเห็นและทราบถึงการกระทำทรมานและการกระทำย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตามมาตรา 5 และ 6 มาโดยตลอด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำหน้าที่ในการตรวจสอบและยุติการกระทำละเมิด รวมทั้งปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ อย่างเคร่งครัด 

นอกเหนือจากให้การเพิ่มเติมในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญแล้ว  มูลนิธิผสานวัฒนธรรมขอเชิญชวนสื่อมวลชนและประชาชน ร่วมกันติดตามความคืบหน้าคดีพลทหารศิริวัฒน์ ใจดี อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าหน่วยงานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนพลทหารเกณฑ์จะสามารถปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพได้จริงและตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของสิทธิมนุษยชนและเคารพกฎหมาย อีกทั้งเพื่อให้มั่นใจว่าการนำคดีของของศิริวัฒน์และผู้เสียหายในกรณีอื่นๆ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจะนำไปสู่การแก้ไขและปฏิรูปหน่วยงาน เพื่อเป็นหนทางในการป้องกันการสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีกไม่ว่ากับชีวิตของพลทหารคนใดก็ตาม

Author