ผู้เชี่ยวชาญ OHCHR ร่วมแลกเปลี่ยนกับคณะอนุ กมธ. ตากใบ เสนอกลไกความเป็นธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional Justice) เพื่อจัดการปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากกรณีตากใบ

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาผลกระทบจากกรณีคดีการสลายการชุมนุมเหตุการณ์ตากใบที่ขาดอายุความเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้และการฟื้นฟูความชอบธรรมของรัฐ สภาผู้แทนราษฎร  ได้จัดประชุมครั้งที่ 15 โดยเชิญผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เข้าหารือและแลกเปลี่ยนแนวทางการจัดการปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากกรณีตากใบ 

ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนจากสหประชาชาติและภาคประชาสังคมได้เสนอแนวทาง “กระบวนการยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional Justice)” ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการจัดการกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง เช่น การทรมาน การอุ้มหาย การเสียชีวิตในระหว่างควบคุมตัว อาชญกรรมต่อมวลมนุษย์ โดยเสนอว่า รัฐควรพิจารณากลไก 4 ด้าน ได้แก่ การสืบหาความจริง การดำเนินคดีผู้กระทำผิด การเยียวยาครอบคลุมทั้งด้านจิตใจและสังคม และการปฏิรูปเชิงโครงสร้างเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ

นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการตีความกฎหมายที่เกี่ยวกับอายุความอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดความล่าช้าจากฝ่ายรัฐเอง เพราะหากไม่ดำเนินการ จะถือเป็นการ “ซ้ำเติมเหยื่อ” (double victimization) นอกจากนี้ ในประเด็นต่อเนื่อง ที่ประชุมได้มีการนำเสนอข้อเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อยกเว้นอายุความสำหรับคดีสิทธิมนุษยชนร้ายแรง และส่งเสริมการใช้ “เขตอำนาจศาลสากล” (universal jurisdiction) เพื่อแสดงจุดยืนว่ารัฐไทยไม่ยอมรับการละเมิดไม่ว่าผู้กระทำจะอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ อีกทั้งเสนอให้ยกระดับแนวคิดเรื่องการเยียวยาให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลซึ่งมองกว้างกว่าเพียงการชดใช้เยียวยาด้วยตัวเงิน แต่ยังมุ่งให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย การฟื้นฟูทางด้านจิตใจ การคืนศักดิ์ศรี รวมถึงการยอมรับผิดจากรัฐ และการขอโทษต่อสาธารณชน (public apology) 

การประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเข้าใจร่วมกันและการจัดการกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงอย่างกรณีตากใบ และกรณีอื่นๆในอดีต มูลนิธิผสานวัฒนธรรมขอให้ประชาชนผู้สนใจติดตามสถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนใต้ รวมถึงการประชุมของคณะอนุกรรมาธิการต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับใครอีก และให้สังคมไทยเป็นสังคมที่เคารพสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริงในที่สุด

Author