ครอบครัวผู้ถูกอุ้มหาย-องค์กรภาคประชาสังคม เข้าพบคณะทำงานด้านการบังคับสูญหายแห่งสหประชาชาติ (WGEID) เผยข้อกังวลหลักเรื่องยุติคดี – เจ้าหน้าที่ขอให้ถอนชื่อผู้ถูกอุ้มหายออกจากระบบ

วานนี้ (1 พฤษภาคม 2568) เวลา 11.00 น. ครอบครัวผู้ลี้ภัยไทยถูกอุ้มหายในประเทศเพื่อนบ้าน ครอบครัวผู้ถูกอุ้มหายในจังหวัดชายแดนใต้ และองค์กรภาคประชาสังคม ได้เดินทางไปยังอาคารสหประชาชาติ เพื่อพบกับคณะทำงานด้านการบังคับสูญหายแห่งสหประชาชาติ (United Nations Working Group on Enforced or Involuntary Disappearances – WGEID) ในการประชุมสมัยที่ 136 ของคณะทำงานฯ ที่ได้มาจัดประชุมที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน ถึง 2 พฤษภาคม 2568 

ในครึ่งแรกของการพูดคุยได้มีสมาชิกครอบครัวจาก 5 ครอบครัวผู้ลี้ภัยไทยที่ถูกอุ้มหายในประเทศเพื่อนบ้าน ตั้งแต่ปี 2560 – 2563 ได้แก่ สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์, ชัชชาญ บุปผาวัลย์ ไกรเดช ลือเลิศ, สยาม ธีรวุฒิ และวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับตัวแทนจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม, สหพันธ์เพื่อสิทธิมนุษยชนสากล (FIDH) และศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR)  ร่วมแลกเปลี่ยนและให้ข้อมูลถึงความคืบหน้าของแต่ละกรณี รวมถึงอุปสรรคที่พบ โดยเฉพาะในการบังคับใช้ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 และการดำเนินการของประเทศไทยให้เป็นไปตามพันธกรณีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ (International Convention for the Protection of all Persons from Enforced Disappearance: ICPPED) 

ในการแลกเปลี่ยนได้มีการกล่าวถึงประเด็นสำคัญ อาทิ กรณี 4 ครอบครัว ได้แก่ครอบครัวของ สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์, ชัชชาญ บุปผาวัลย์, ไกรเดช ลือเลิศ และสยาม ธีรวุฒิ  ได้รับหนังสือแจ้งผลการพิจารณา จากศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด มีคำสั่งให้ยุติคดีและไม่รับทำการสอบสวน อ้างเหตุหลักฐานไม่พอให้เชื่อได้ว่าเป็นการอุ้มหายตามกฎหมายใหม่ หรือยังไม่แน่ชัดว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ รวมถึงความไม่คืบหน้าของการสืบสวนสอบสวนให้ทราบชะตากรรมเนื่องจากเป็นกรณีที่เกิดในต่างประเทศ ทำให้พบอุปสรรคจากกระบวนการทำงานของรัฐ 

ในช่วงครึ่งหลังของการประชุมเป็นการพูดคุยในหัวข้อหลักเกี่ยวกับกรณีการบังคับสูญหายในจังหวัดชายแดนใต้ โดยมีสมาชิกครอบครัวผู้ถูกอุ้มหายในพื้นที่ ตัวแทนจากศูนย์ทนายความมุสลิม (MAC) และองค์กรเครือสิทธิมนุษยชนปาตานี (HAP) เข้าร่วมแลกเปลี่ยนและให้ข้อมูล หนึ่งในข้อกังวลสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ มีหลายครอบครัวที่เคยส่งรายชื่อและข้อมูลกรณีการบังคับสูญหายของสมาชิกครอบครัวเข้าสู่ระบบของสหประชาชาติ ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเจ้าหน้าที่มีการพูดคุยเพื่อขอให้ถอนรายชื่อออกจากระบบดังกล่าว

การประชุมของคณะทำงานฯ จัดขึ้น 3 ครั้งต่อปี การประชุมของคณะทำงานฯ จะพบปะพูดคุยกับผู้เสียหาย เครือข่ายภาคประชาสังคม รวมถึงผู้แทนจากหน่วยงานรัฐต่างๆ เพื่อพิจารณากรณีการบังคับสูญหายที่ได้ส่งรายชื่อเข้ามาใหม่ และแลกเปลี่ยนข้อมูลรวมถึงอัปเดตความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีที่มีบันทึกอยู่ในฐานระบบของคณะทำงานฯ อยู่แล้ว โดยภายหลังจากการประชุม คณะทำงานฯ จะแจ้งให้รัฐบาลทราบเป็นลายลักษณ์อักษรถึงการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับกรณีการบังคับสูญหายในประเทศของตน 

ทั้งนี้ จากข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม 2566 โดยสหประชาชาติ ประเทศไทยมีเรื่องร้องเรียนกรณีการบังคับให้บุคคลสูญหายจำนวน 77 กรณี ที่อยู่ในระบบของคณะทำงานฯ ซึ่งยังคงไม่ได้รับการคลี่คลาย นอกจากนี้ ในกรณีการถูกบังคับให้สูญหายต่างแดนบางกรณีจะถูกระบุเป็นสถิติในอีกประเทศหนึ่ง

Author