วันที่ 11 มิถุนายน 2563 ตำรวจนครบาลวังทองหลางออกหมายเรียก นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และพวกรวม 6 คน และนายณัฐวุฒิ อุปปะและพวกรวม 4 คน ในข้อหาร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรม หรือกระทำการอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยที่ได้กระทำการฝ่าฝืนข้อกำหนดตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 จากการที่บุคคลดังกล่าวได้เข้ายื่นหนังสือเรียกร้องให้ทางการกัมพูชาทำหน้าที่ของตนตามพันธกรณีระหว่างประเทศและตามกฎหมายของกัมพูชา ในการสืบสวนสอบสวนการบังคับนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ให้สูญหายไป รวมถึงจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการชูป้ายเรียกร้องความเป็นธรรม บริเวณหน้าสถานทูตกัมพูชา ในวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา
การชุมนุมดังกล่าวเป็นการรวมกลุ่มกันอย่างสงบเพื่อแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์การหายตัวไปของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ โดยมีพยานหลักฐานว่า เขาได้ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์บังคับเอาตัวขึ้นรถยนต์หายไปจากที่พักกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา หลังจากลี้ภัยทางการเมืองจากประเทศไทยในปีพ.ศ.2557
แม้จะมีกระแสเรียกร้องจากประชาชน สื่อมวลชน รวมถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งในและต่างประเทศ เช่น สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (UNOHCHR) ให้มีการดำเนินการเพื่อสืบสาวหาข้อเท็จจริง แต่ทั้งรัฐบาลไทยและกัมพูชายังคงเพิกเฉยต่อกรณีดังกล่าว
มูลนิธิผสานวัฒนธรรมเห็นว่า มิใช่เป็นการมั่วสุมหรือการ “ร่วมกันชุมนุม ทำกิจกรรม หรือกระทำการอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย” หากแต่เป็นการดำเนินการที่ชอบธรรม โดยสงบ และอยู่ในกรอบของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน (Human Rights Defender) ดังนั้น การตั้งข้อหาและออกหมายเรียกเพื่อดำเนินคดีกับผู้ยื่นหนังสือเช่นนี้ อาจถูกมองได้ว่าเป็นการใช้อำนาจจากพ.ร.ก. ฉุกเฉิน ที่ไม่ชอบธรรม เพื่อกลั่นแกล้งและลิดรอนสิทธิผู้ที่มีความเห็นทางการเมือง
ทางมูลนิธิฯ จึงขอเรียกร้องรัฐบาลไทย ดังต่อไปนี้
1. ขอให้ยุติการดำเนินคดีต่อนายสมยศ พฤกษาเกษมสุขกับพวก ทั้งหมดโดยทันที เนื่องจากการกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพอันชอบธรรม ถูกต้องตามกฎหมาย ในการแสดงออกทางความคิดเห็นเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม
2. รัฐบาลจะต้องไม่ฉวยโอกาสใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ กลั่นแกล้งทางการเมืองต่อฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาล เนื่องจากการบังคับใช้มาตรการตาม พ.ร.ก. ควรอยู่บนเจตนารมณ์ที่รัฐบาลประกาศไว้ว่าเพื่อแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งอยู่บนหลักความเสมอภาคในกฎหมาย และภายใต้หลักนิติรัฐ นิติธรรม
3. ขอให้ดำเนินการแก้ไข พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการมีอำนาจในการตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลหรือฝ่ายบริหารมากขึ้น ทำให้การบังคับใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และป้องกันไม่ให้รัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อประโยชน์ในทางการเมืองของตน
4. ขอให้รัฐบาลไทยดำเนินการอย่างเต็มใจและจริงจังให้มีการสืบสวนสอบสวนการถูกบังคับให้สูญหายของวันเฉลิม โดยประสานงานกับรัฐบาลกัมพูชาเพื่อให้ข้อเท็จจริงในกรณีของวันเฉลิมเป็นที่ประจักษ์ และนำมาซึ่งความยุติธรรมต่อนายวันเฉลิมและครอบครัว
แถลงการณ์ ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2563
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม
กรุงเทพมหานคร