ไม่รู้จัก เดฟ เป็นการส่วนตัว ก่อนที่จะพบกันครั้งแรกที่โรงพยาบาลหัวเฉียวเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 เวลากลางดึกหลังสอบเสร็จจากท่าพระจันทร์ ก่อนสอบในช่วงกลางวันเราก็พยายามไม่เปิดข้อความดู ไม่ส่อง facebook หลังจากสอบเสร็จก็ได้รับทราบข่าวมีกลุ่มนักศึกษาที่หน้าหอศิลป์กรุงเทพจำนวนหนึ่งหรือสองคนถูกทำร้ายส่งไปโรงพยาบาล หลังไปร่วมชุมนุมกับนักศึกษาในวันครบรอบหนึ่งปีรัฐประหาร อีกทั้งมีนักศึกษาอีกกลุ่มหนึ่งถูกจับและถูกนำตัวไปโรงพักแห่งหนึ่ง
คิดว่าไปเยี่ยมคนที่อยู่ที่โรงพยาบาลน่าจะที่ใกล้และเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ขับไปกลางคืนแต่ไม่หลงทาง และได้เข้าไปพบเดฟ ชายหนุ่มที่นอนตาขวาบวมปิด และรอการปฐมพยาบาลขั้นต้นจากแพทย์เวรในห้องฉุกเฉิน
พบครั้งแรกก็ไม่แน่ใจว่า หนุ่มเดฟจะคุยด้วยไหมก็ได้คุยและแนะนำตัวว่าเป็นนักสิทธิมนุษยชนอยากจะขอมาสัมภาษณ์บันทึกข้อเท็จจริงจะได้หรือไม่ อาศัยความเป็นมืออาชีพก็ได้บันทึกตามที่บอกเล่าและรวบรวมเป็นบันทึกเหตุการณ์อย่างน้อยจากผู้เสียหายที่ถูกเจ้าหน้าที่รุมทำร้ายในวันนั้นจนสลบแล้วฟื้น จนต้องมารักษาตัวดูอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาล เดฟ ทั้งที่เจ็บ ก็พูดจาฉะฉาน ความจำดี ลำดับเรื่องราวได้ดี ไม่มีอาการโกรธแค้น อนุญาตให้เราบันทึกภาพ และเผยแพร่ข้อเท็จจริงต่อองค์กรสิทธิมนุษยชนได้
คืนวันนั้น เดฟ เป็น Free man ยังเป็นอิสระไม่ได้มีหมายจับ แม้ว่านอกห้องฉุกเฉินจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าอยู่สองราย แต่เขาก็ให้การเคารพพวกเราไม่มายุ่งย่ามจนมากเกินไป
สิ่งที่ถามและเฝ้าเป็นห่วงคือเรื่องครอบครัว ได้คำตอบว่าคุยกันได้ คุยกันแล้ว ไม่ต้องห่วงครับพี่ ซึ่งตามความจริงก็ไม่แน่ใจว่าหมายความว่าอย่างไร อย่างน้อยก็พูดให้ฟังว่ามีคนที่บ้านที่เป็นห่วงอยู่ให้คิดถึงด้วย ทำได้แค่นั้น
ต่อจากนั้นเราก็เป็นเพื่อนกันใน Facebook
ยอมรับว่าไม่ได้ติดตาม เดฟ ใน Facebook เท่าไรนัก
แล้ววันที่ 24 มิถุนายน 2558 ก็ได้ข่าวว่าจะมีการไปมอบตัวที่สถานีตำรวจปทุมวัน ซึ่งก็ใกล้กับสถานที่จัดงานวันต่อต้านการทรมานที่หอศิลป์กรุงเทพฯ ไม่ไปไม่ได้ วันนั้นก็ไม่ได้เจอเดฟ แต่รู้ว่าอยู่ข้างในกลุ่มคนที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจ มองไม่เห็นตัวเลยและก็ลุ้นอยู่ห่างๆ ว่านักศึกษาจะถูกจับตัวกันเมื่อไร คิดลึกๆ อยู่ในใจว่า น่าจะโดนไม่ช้าก็เร็ว จนได้เขียนไปแซวใน inbox ว่า
“ถูกจับแล้วจะไปเยี่ยม อิอิ แบบเป็น Celeb อยู่ข้างนอกเข้าถึงยากอิอิ สู้สู้ครับ”
แล้วเราก็ได้ไปเยี่ยม เดฟ ทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ ในวันที่ 27 มิถุนายน จริงๆ ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปเยี่ยม นศ. หญิงคนเดียวที่ถูกจับ ทั้งที่ก็ไม่ได้รู้จักกัน ที่ทัณฑสถานหญิงกรุงเทพ วันเสาร์อาทิตย์ทัณฑสถานหญิงกรุงเทพปิด และต้องมาวันจันทร์ รู้สึกห่วงน้องผู้หญิงมาก และอยากให้ได้รับการปล่อยตัวโดยเร็ว หรือประกันตัวออกมาสู้คดี สภาพในเรือนจำทำให้คนเข็มแข็งอ่อนแอได้โดยง่าย ขั้นตอนการควบคุมจำกัดเสรีภาพทำให้เราต่ำกว่ามนุษย์ไปหนึ่งขั้นได้จริงๆ ต้องขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งภายในจริงๆ ขอให้ทุกคนปลอดภัยและเข็มแข็ง
สำหรับเดฟ เมื่อที่เยี่ยมในวันที่ 27 มิถุนายน โดยการประสานงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กลุ่มญาติ เพื่อนและ องค์กรสิทธิมนุษยชนก็ได้เยี่ยมนักศึกษาพร้อมๆ กันในห้อง เบอร์ 8 และเบอร์ 9 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และให้เวลาในการพูดคุยตามสมควร แม้ว่าการพูดคุยจะผ่านโทรศัพท์และลูกกรง แต่ก็ส่งผ่านกำลังใจและความห่วงใยกันได้ รวมทั้งมีเสียงส่งออกมาว่า “คนข้างในเต็มที่ คนนอกสู้สู้ด้วยครับ”
สำหรับเดฟ สิ่งแรกที่บอกก็คือว่า พี่มาเยี่ยมแล้วนะ มีรอยยิ้มกลับมา เดฟดูสีหน้ามีกำลังใจดี มีข้อความฝากมาบอกคนข้างนอกว่า
“เราอยู่ในนี้ เพื่อพิสูจน์ว่ากระบวนการยุติธรรมไทยบิดเบี้ยว ไม่ว่าผลของการตัดสินใจของเราจะออกมาในรูปแบบไหน เราอยากให้สังคมภายนอกคิด รับรู้ ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นถูกหรือไม่ เพื่อให้ทุกคนช่วยกันคิดว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อเรารับรู้ได้ว่ามีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น”
ความจริงของเดฟคือเดฟถูกทำร้ายร่างกายในวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 แต่เขากลับถูกออกหมายจับโดยศาลทหารและปัจจุบันถูกควบคุมตัวในเรือนจำพิเศษกรุงเทพด้วยอำนาจฝากขังของศาลทหาร เขาเป็นนักโทษทางการเมือง
บันทึกจากการสัมภาษณ์ นายทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์
อายุ 26 ปี เกิดวันที่ 11 ตุลาคม 2534
ที่ โรงพยาบาลหัวเฉียว
นายทรงธรรมกับเพื่อนนักกิจกรรมร่วมกันจัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์รัฐประหารที่บริเวณ
หอศิลปกรุงเทพ
เวลาประมาณ 19.00 นายทรงธรรมเห็นว่าตำรวจกำลังจะเข้ารวบตัวกลุ่มนักศึกษาจึงได้รีบเดินข้ามถนนไปช่วยกันไม่ให้เพื่อนผู้หญิงกลุ่มหนึ่งโดนเจ้าหน้าที่จับกุมตัว โดยตนเองเดินเข้าไปกันให้ผู้หญิงจำนวนสามคนออกไปได้ แล้วต่อจากนั้น ตนเองก็ถูกจับตัวไว้ ตนพยายามดิ้น จนสามารถดิ้นหลุดจากการจับกุมเจ้าหน้าที่ได้หนึ่งครั้ง จำได้ว่ามีเจ้าหน้าที่ใส่เครื่องแบบประมาณ 7 คน อีกหลายคน รวมเป็นสิบกว่าคนไม่ได้ใส่เครื่องแบบเชื่อว่าเป็นทหาร เพราะว่าจำหน้าบางคนได้ มีคนเรียกชื่อเล่นว่าเดฟ ด้วย
พอดิ้นหลุดในครั้งแรกได้ ตนก็ถูกจับอีกครั้งมีคนมาล๊อคคอเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วก็เริ่มมีการทำร้ายโดยคนเสื้อสีส้มเป็นคนทำร้ายก่อน แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบสั่งว่าอย่าทำ ขณะที่ล้มลงไปครั้งนี้มีการกดตัวไม่ให้ลุกขึ้นด้วยหัวเข่า มีเสียงบอกว่าอย่าดิ้น คนที่ทำไม่ได้ใส่เครื่องแบบ มีอาการเจ็บ ช่วงนี้ชุลมุนถูกเตะและต่อยหลายครั้ง มีมือมาล๊อคที่คอจนมีรอยจ้ำเป็นสีแดงสามารถมองเห็นได้บริเวณคอ (เวลาวันทึก 21:20 น. วันเกิดเหตุ) มีการสั่งการว่าให้รวบขาและแขนไว้
ตอนนี้รู้สึกตัวว่าตัวลอยนิดหนึ่ง แล้วหัวก็ตกลงที่พื้นขาถูกยกขึ้นแล้วก็ลาก ตนถูกลากไปตามพื้น จากด้านหลังของหอศิลปฯ ไปด้านหน้า ตอนนี้ ถูกเตะทำร้ายที่ ซี่โครงด้านขาว ขณะนี้ยังมีอาการเจ็บปวด แล้วก็ไม่รู้สึกตัวมารู้สึกตัวอีกครั้งอยู่ด้านหน้าของหอศิลปกรุงเทพ ตอนนั้นมีคนเอาน้ำมาราดแล้วบอกว่า มึงเก่งได้แค่นี้แหละ ตนรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก หายใจไม่ออก จนอาเจียนออกมาเป็นน้ำปริมาณไม่มาก เพราะว่าไม่ได้กินอะไรก่อนหน้านี้เลย มีคนจับถอดเสื้อแล้วตอนนี้มีเพื่อนมาดูแล
เวลาผ่านไปประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ได้ยินประมาณว่าเพื่อนเป็นคนเรียกรถพยาบาลให้มารับแล้วตอนขึ้นรถมาก็ไม่ได้ให้เจ้าหน้าที่ขึ้นรถมาด้วย
สภาพร่างกายบาดแผลที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
- บาดแผลขนาดเล็กบริเวณริมฝีปาก
- หน้าผากข้างขวามีรอยปูดขนาดใหญ่กว่าเหรียญ 10 บาท
- ตาข้างขวาปิดเกือบสนิท มีน้ำตาไหลเป็นพักๆ ลืมตาได้แต่ข้างซ้าย
- ผู้บาดเจ็บสติดีให้ข้อมูลได้อย่างประติประต่อ
- มีรอยแผลขนาดเล็กแดงๆ บริเวณ ลำคอ ไหล่ขวา ซ้าย มาถึงบริเวณต้นแขนทั้งสองข้าง
- บริเวรหน้าอกไม่สามารถเห็นรอยช้ำได้ด้วยตาเปล่า ผู้เสียหายมีอาการเจ็บที่หน้าอก
- เวลา 21.25 นาที แพทย์มาทำการตรวจโดยการตรวจร่างกายด้วยเครื่อง x ray ขนาดเล็กและแนะนำให้ตรวจ TC Scan ซึ่งจะมีการนำไปตรวจที่โรงพยาบาลกรุงเทพ
หมายเหตุ : ผู้เสียหายยินดีให้ส่งข้อมูลเผยแพร่องค์กรสิทธิมนุษยชนได้
บันทึก โดย พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ วันที่ 22 พฤษภาคม 2558





