จดหมายฉบับนี้นายบิลลี่พกติดตัวตลอดเวลา กำลังเตรียมที่จัดส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาของชุมชนบ้านบางกลอย ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ

พวกเราชาวบ้าน บ้านบางกลอยบน จึงเรียนมาเพื่อขอความเป็นธรรมจากท่าน เนื่องจากพวกเราชาวบ้านบ้านบางกลอยบน อยู่ในพื้นที่ตั้งแต่บรรพบุรุษหลาย 100 ปีแล้ว แต่ป่าไม้ก็ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ พวกเราประกอบอาชีพทำไร่หมุนเวียน อยู่กันแบบพอมีพอกินไม่เดือนร้อน หลังจากนั้นมาพอถึงปี พ.ศ. 2539 ได้มีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้ขึ้นไปที่บางกลอยบน แล้วบอกกับพวกเราว่า พวกเราต้องลงไปอยู่บางกลอยล่าง โดยอ้างว่าป่าไม้ต้นน้ำจะถูกทำลาย เขาจะจัดสรรพื้นที่ทำกินครอบครัวละ 7-8 ไร่ และช่วยเหลือเรื่องอาหารการกิน 3 ปี ในตอนนั้นชาวบ้านส่วนหนึ่งก็เชื่อจึงได้ลงไปอยู่ยังบางกลอยล่าง แต่อีกส่วนหนึ่งก็ไม่ได้ลงไป

พวกเขายังอยู่บางกลอยบนเหมือนเดิม ส่วนชาวบ้านลงไปนั้นมีทั้งหมด 57 ครอบครัว พอลงไปถึง เจ้าหน้าที่อุทยานไม่มีที่จัดสรรใหม่ให้ เจ้าหน้าที่อุทยานจึงจัดสรรที่ทำกินของคนโป่งลึกให้กับคนบางกลอยที่ลงไป ทำให้คนโป่งลึกมีพื้นที่ทำกินน้อยลงไม่เพียงพอให้กับลูกหลาน พื้นที่ที่เจ้าหน้าที่อุทยานจัดให้คนบางกลอยนั้นได้ไม่ครบทุกครอบครัว ส่วนคนที่ได้บางแปลงปลูกทำกินไม่ค่อยได้ผล เนื่องจากมีหินบางส่วน
เรื่องที่เจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่าจะช่วยเหลือเรื่องอาหารการกิน 3 ปีให้กับชาวบ้านที่ลงมานั้น พอชาวบ้านลงมาจริง แค่ 3 เดือนก็ช่วยเหลือไม่ถึง จึงทำให้ชาวบ้านลำบากมากต้องดิ้นรนทำงานรับจ้างข้างนอก พอออกไปทำงานรับจ้างในเมืองก็ถูกโกงค่าแรง แถมยังถูกจับกุมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากชาวบ้านยังไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน จึงถูกล่าวหาว่าเป็นคนต่างด้าว

พวกเราที่ลงมานั้นพอลงมาได้ 2 ปีกว่า พวกเราก็ต้องกลับขึ้นไปยังบางกลอยบนที่เคยอยู่ เพราะที่บางกลอยบนมีพืชผักผลไม้ที่บรรพบุรุษและพวกเราปลูกไว้อุดมสมบูรณ์เพียงพอไม่ต้องลำบากมากอย่างบางกลอยล่าง แต่กลับขึ้นไปครั้งนี้ เราก็ต้องกลับขึ้นไปอาศัยอยู่กินกับญาติพี่น้องที่ไม่ได้ลง ส่วนทางเจ้าหน้าที่อุทยานก็ผลักดันพวกเราที่อยู่บางกลอยบนเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่ปี 2540 โดยบอกให้เราลงไปอยู่ร่วมกับญาติพี่น้องที่อยู่บางกลอยล่าง ถ้าไม่ลงไปอยู่ก็ให้ไปอยู่ฝั่งประเทศพม่า

พวกเราทุกคนที่อยู่บางกลอยบนไม่ใช่มาจากฝั่งพม่า พวกเราจะไม่ไป เราจะไม่ไปอยู่ประเทศพม่า เราจะขออยู่บางกลอยบน เพราะบางกลอยล่างก็เราเคยลงไปอยู่แล้ว พวกเราจึงตัดสินใจอยู่บางกลอยบนต่อไป แต่การผลักดันของเจ้าหน้าที่ก็หนักขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นเผาบ้าน เผายุ้งข้าว ตัดฟันทำลายพืชผัก ผลไม้ที่เราปลูกไว้ และไล่จับกุมพวกเราทุกรนที่เขาพบเห็น ตอนนี้พวกเราลำบากมาก เพราะข้าวของพิธีกรรมทางความเชื่อของชาวบ้านถูกทำลายทุกอย่างที่เขาพบเห็นจนหมด ทำให้ชาวบ้านบางกลอยบนลำบาก ไม่ว่าจะเป็นเด็ก คนแก่ คนป่วย หรือคนท้อง ต้องทุกข์ทรมานมาก ต้องอดอยากไม่มีข้าวกินถึงขั้นมีคนตาย และแท้งท้อง ขณะหลบหนีเจ้าหน้าที่เราต้องนอนอยู่ในป่า ในถ้ำโดยไม่มีผ้าห่ม เสื้อผ้าสำรอง ต้องทนฝน ทนยุง ทนหนาว

ส่วนเรื่องอาหารการกิน เราหาหัวกลอย หัวเผือก หัวมัน หน่อไม้หรือของในป่าที่กินได้เอามากินกันเพื่อแก้หิว พวกเราเดือดร้อนเช่นนี้ พวกเราก็เคยบอกผู้นำหมู่บ้านทั้งโป่งลึก – บางกลอย รับรู้แต่ไม่มีใครกล้าช่วยเหลือพวกเรา เพราะพวกเขากลัวเดือดร้อน เพราะเจ้าหน้าที่จะรังแกพวกเขา ทั้งที่ว่าชาวบ้านและผู้นำหมู่บ้านโป่งลึก – บางกลอยล่างเป็นลูกหลานญาติพี่น้องของเราจริงๆ

พวกเราจึงขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอให้พวกเราได้มีสิทธิอยู่ในพื้นที่บางกลอยบน โดยเจ้าหน้าที่อุทยานไม่ต้องไปรังแก ขับไล่จับกุม เผาบ้าน เผายุ้งข้าวทำลายพิธีกรรมทางความเชื่อของเราที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษและทรัพย์สินของพวกเรา พวกเราจะได้อยู่กันเป็นหลักแหล่ง เพื่อความมั่นคงคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ สุขภาพจิตรใจที่ดี โดยกันเขตพื้นที่ทำกินให้ชัดเจนเพื่อป้องกันปัญหาการบุกรุกป่าพื้นที่อุทยาน จะได้ไม่ต้องอดอยากทุกข์ทรมานอยู่แบบหลบๆซ่อนๆ กระจัดกระจายอยู่ในป่าใช้ชีวิตเหมือนคนป่า พวกเราขออยู่บางกลอยบนใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเหมือนเดิม และเราจะให้ความร่วมมือช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการดูแลป่าเพื่อความมั่นคงของประชาชนและประเทศชาติในอนาคตพวกเราจึงขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน เพราะตอนนี้พวกเราเดือดร้อนมาก

Author