[:th]CrCF Logo[:]

เลือนรางแต่ไม่ลืมเลือน : “แกงเลียง”ของสุรชัย แซ่ด่าน

Share

แกงเลียง อาหารที่หลายๆบ้านมักจะสั่งหรือทำไว้บนโต๊ะอาหาร แม้จะเป็นอาหารของชาวภาคกลางแต่คนภาคอื่นๆก็มักจะทำ เพราะทำได้ง่าย และสามารถทำตามรสชาติแต่ละภูมิภาคได้ ลักษณะของน้ำแกงจะไม่ข้น หรือไม่ใสจนเกินไป มีรสเค็มพอดี มีความเผ็ดร้อนจากพริกไทย มีผักในท้องถิ่นเป็นส่วนผสมหลัก แกงมีกลิ่นที่หอมจากพริกไทยที่เป็นจุดเด่น หลายบ้านชอบกินแกงเลียงกับข้าวสวยร้อนๆ เช่นเดียวกับ ‘สุรชัย แซ่ด้าน’ ผู้เป็นคู่ชีวิตของ ‘ปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์’ หรือที่คนทั่วไปมักเรียกเธอติดปากว่า ‘ป้าน้อย’ และหากเราอยากจะถามคำถามสักอย่าง ว่าอะไรคือเมนูโปรดของสุรชัย ใครล่ะที่จะตอบคำถามได้ดีกว่าป้าน้อย

เมื่อเราได้เริ่มการสัมภาษณ์เพื่อถามถึงอาหารจานโปรดของคนที่เป็นสามี ป้าน้อยได้เริ่มนึกย้อนไปถึงช่วงเริ่มแรกของความสัมพันธ์ของเธอกับสุรชัย เธอเริ่มเล่าว่าในช่วงเริ่มแรกเธอกับว่าที่สามีได้ติดต่อกันผ่านทางจดหมายเพราะนี่คือสิ่งเดียวที่จะใช้สื่อสารระหว่างเธอกับสุรชัยในช่วงที่สุรชัยถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ จดหมายใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด รวมถึงแลกเปลี่ยนชีวิตประจำวัน ทั้งคู่ได้พูดคุยถึงการเป็นอยู่และอาหารการกิน สุรชัยได้เขียนเล่าความเป็นอยู่ของเจ้าตัวถึงผู้เป็นที่รักว่า ตอนที่อยู่ในเรือนจำบางขวาง นนทบุรี เขาสามารถปลูกผัก ปลูกมะละกอ ปลูกฟัก ปลูกผักบุ้ง ซึ่งเขาได้นำวัตถุดิบเหล่านี้ไปทำอาหารจานโปรดของเขา

“อาจารย์ก็จะเล่าในจดหมายว่าวันนี้ต้มฟักมะนาวอะไรอย่างนี้ ต้มฟักไก่หรือเป็ด จำไม่ได้แล้วค่ะ มะนาวบ้าง แล้วก็แกงส้มบ้าง มีแกงเลียงเป็นหลักค่ะ ที่อาจารย์จะรับประทานประจำ”

นี่คือเหล่าเมนูอาหารจานโปรดที่ป้าน้อยนึกถึงเป็นอย่างแรกๆ ซึ่งแกงเลียงเป็นสิ่งที่ป้าน้อยจำได้เป็นอย่างดีว่าคืออาหารจานโปรดของสุรชัยที่ชอบกินเป็นประจำ

เป็นเวลาเกือบ5ปีแล้วที่สุรชัย ผู้เป็นทั้งสามีและนักปฏิวัติได้ถูกบังคับสูญหาย แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ผู้เป็นภรรยาอย่างป้าน้อยก็ยังสามารถจดจำทุกรายละเอียดของสามีได้เป็นอย่างดี หากมีคนถามเราสักคนว่าคุณชอบกินอะไรมากที่สุด มันคงเป็นคำถามที่ตอบยากที่สุดอย่างนึง เช่นเดียวกับที่เราถามป้าน้อยว่าเมนูโปรดของสุรชัยคืออะไร ป้าน้อยสามารถจำได้เป็นอย่างดีว่าคนที่เป็นสามีชอบกิน ‘แกงเลียง’ อยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังมีเมนูอื่นๆอีกมากมายที่เข้ามาในความทรงจำของป้าน้อยเมื่อนึกถึงสามี ป้าน้อยจำได้ว่าสามีป็นคนกินง่าย มักจะกินอาหารเป็นสำรับหลายๆอย่างบนโต๊ะกินข้าว โดยที่จะมีเมนูรสเผ็ดหนึ่งอย่างและเมนูรสจืดหนึ่งอย่าง

“เมนูทรงจำ จริงๆแกก็มีนั่นแหละค่ะ น้ำพริกแมงดา สะตอเผา แกงส้มปลาช่อนนา แกงเลียง บางทีก็มีแค่น้ำพริกแมงดา แล้วก็แกงเลียง ถ้าแกงส้มก็แกงเลียง คือมีเผ็ดอย่างจืดอย่าง ถ้าขนมจีนก็ต้องขนมจีนน้ำปน ก็คือขนมจีนกะทิบวกกับน้ำพริกหวานๆอ่ะค่ะ แล้วก็ผักเยอะๆ”

ปราณีหรือป้าน้อยที่เราเรียกกัน ได้เริ่มเล่าเมนูอาหารโปรดอื่นๆของสามีหลังจากที่เขาได้ออกจากเรือนจำ และได้เริ่มใช้ชีวิตคู่ด้วยกันแล้วว่า “อาจารย์ก็มักจะทำแกงส้มปลาช่อนนา ที่ทำบ่อยนะคะ แกงเลียงผักรวม น้ำพริกแมงดา ถ้ามาอยู่ที่ใต้มีสะตอ

อาจารย์ก้จะชอบเอาสะตอมาเผา แล้วก็มีแกงกะทิ แกงคั่ว แล้วก็ที่อาจารย์ชอบก็คือแกว่ามันเป็นต้มเปื่อยเศษเนื้อวัว แบบจีน แกบอกแบบจีนอะไรอ่ะ จีนไหหลำ เขาใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด ใส่มะนาว เหมือนกับต้มซุปอ่ะค่ะ ต้มให้มันเอ็นจนเปื่อย อย่างนี้จะเป็นอาหารหลัก”

อีกเมนูนึงที่สุรชัยชื่นชอบเป็นอย่างมาก คือ “แคปหมู” ที่ชอบเอามากินกับกาแฟตอนเช้า เป็นของกินเล่นที่สุรชัยต้องจอดซื้อเมื่อเห็นทุกครั้ง สุรชัยชอบกินของทอดเป็นประจำ จนป้าน้อยมีความสนใจที่จะเรียนรู้เรื่องแพทย์ทางเลือกเพิ่มเติมเพื่อมาคอยกำกับการกินของสุรชัย นี่คือความรักความเป็นห่วงของผู้เป็นภรรยา

โต๊ะอาหารที่แตกต่างแต่เต็มไปด้วยความสุข

หากเรานั่งกินกับใครสักคนที่มีวิถีการกินที่แตกต่างจากเราโดยสิ้นเชิง เรามักจะเกิดความอึดอัดใจ และอาจจะไม่อยากร่วมโต๊ะอาหารด้วย แต่แตกต่างจากป้าน้อย และสุรชัย ถึงแม้ทั้งสองมีความชอบในเมนูอาหาร และวิถีการกินอาหารที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ทั้งสองก็ชอบที่จะนั่งกินอาหารร่วมกัน ป้าน้อยได้เล่าด้วยรอยยิ้มและ เสียงหัวเราะว่า

“ป้าไม่ค่อยกินเนื้อสัตว์ ป้าทานมัง ทานเจ ก็จะเขี่ยค่ะ (ขำ) ก็จะเขี่ยผัก และกินน้ำแกง ส่วนป้าก็จะทำบ้างค่ะ พวกน้ำพริก คือกินด้วยกัน แต่อาหารการกินก็ไม่ค่อยเหมือนกัน ก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรค่ะ”

ภาพความทรงจำบนโต๊ะไม้กลางห้องครัว

บ้านที่อาศัยกันสองคน มีโต๊ะไม้อยู่กลางห้องครัว มีเก้าอี้ประมาณ7-8 ตัวไว้เผื่อเพื่อนมานั่งกินอาหารและสังสรรค์ บนโต๊ะไม่มีเครื่องปรุงอาหาร เพราะสุรชัยชอบกินอาหารรสเปรี้ยว เวลาเช้าสุรชัยชอบมานั่งกินกาแฟกับแคปหมู พร้อมอ่านหนังสือพิมพ์มติชน ตอนกลางวันและเย็นก็กินอาหารที่เน้นเป็นอาหารใต้เป็นสำรับร่วมกับภรรยาผู้เป็นที่รัก เพื่อนั่งคุยชีวิตประจำวันร่วมกัน แม้โต๊ะจะผุพังไปตามกาลเวลา แต่สิ่งที่อยากให้ย้อนกลับมาคือคนที่นั่งร่วมกินอาหารบนโต๊ะเดียวกัน

RELATED ARTICLES