สวัสดีครับ วันนี้จอกิบูมาบอกเรื่องราวของ “แม่” …แม่…ที่รอลูกชายกลับบ้านมานานถึง 9 ปีแล้ว, แม่ที่ไม่ยอมให้ลูก ๆ ไปศาลด้วยแม้แต่คนเดียว เพราะกลัวลูก ๆ ที่เหลือจะหายไปเหมือนบิลลี่, จึงไม่มีลูก ๆ มาศาลด้วย มีแต่ชาวบ้านที่ตามมาด้วยคือมึนอ และ ชาวบ้านบางกลอย
แม่บอกว่า “ไหน จนท. อุทยาน บอกว่าจับและปล่อยลูกฉันไปแล้ว แต่ไม่เห็นลูกกลับมาหาเลย” ตั้งแต่ลูกหายไปก็ซึมเศร้ามันทุกข์อยู่ในใจ คิดถึงลูกมาก บิลลี่ไม่ได้ทำร้ายอะไรใครเลย ทำไมต้องฆ่าบิลลี่? ….
คดีนี้สืบเนื่องจากเหตุการณ์ ที่บิลลี่ ได้ถูกจับกุมและเอาตัวไปโดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ในขณะนั้น กับพวก หลังจากนั้นไม่มีผู้ใดได้ทราบชะตากรรรม ของบิลลี่อีกเลย จนกระทั่งกรมสอบสวน คดีพิเศษ (DSI) และอัยการได้ร่วมกันติดตามสอบสวนจนได้พยานหลักฐาน ที่เชื่อได้ว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่อุทยานที่จับกุมนายบิลลี่ไปนั้นได้ร่วมกันฆาตกรรมนายบิลลี่และปกปิดอำพรางคดี
ในฐานะส่วนตัว จอกิบู และ ในฐานะคนไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงคนหนึ่ง ขอขอบคุณคณะทำงาน และทีมทนายจากคุณมูลนิธิผสานวัฒนธรรม Cross Cultural Foundation (CrCF) และทุก ๆ คน ที่เล็งเห็นถึงคุณค่าความเป็นมนุษย์ สิทธิ และความยุติธรรม ที่ร่วมกันเรียกร้องต่อสู้เพื่อเสียงของบิลลี่ที่หายไป
ทุกคนครับ ชาวกะเหรี่ยงบางกลอย อยู่ใจแผ่นดินนานก่อนที่จะมี พ.ร.บ. ป่าไม้ฉบับแรก และ พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติเสียอีก, อุทยานฯ ประกาศทับที่ของชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมโบราณ และถูกเผ่าบ้านขับไล่ที่ทำการเผาไล่ทั้งบ้าน ทั้งยุ้งข้าว ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง โดยมีชาวบ้านถึง 98 ครอบครัว !! ที่ต้องเดือดร้อน และยิ่งไปกว่าการไล่ คือการไม่มีอะไรรองรับให้ชีวิตของชาวกะเหรี่ยง เหมือนให้เผชิญดาบหน้าเอาเอง ราวกับว่าชีวิตของชาวเขาไม่มีคุณค่าที่จะให้ความสำคัญ
นี่เป็นคดีใหญ่ เพราะถ้าศาลตัดสินว่าเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ผิดจริง นอกจากจะชดใช้ค่าเสียหายแล้ว ยังอาจต้องติดคุกอีกหลายคน ซึ่งฝั่งชาวกะเหรี่ยงมั่นใจว่ามีโอกาสจะชนะคดีได้ เพราะมีพยานปากเอก นั่นคือ “บิลลี่” พอละจี รักจงเจริญ แกนนำชาวกะเหรี่ยง ซึ่งมีอาชีพเป็นสมาชิก อบต. ห้วยแม่เพรียง เป็นคนที่สื่อสารภาษาไทยได้ชัดเจน และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเองด้วย ดังนั้นย่อมได้รับความน่าเชื่อถือมากเป็นพิเศษ
แต่ก่อนที่บิลลี่จะไปขึ้นให้การกับศาลแค่ 1 เดือน เขาถูกนายชัยวัฒน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จับตัวไว้ แล้วสุดท้ายบิลลี่ก็หายสาบสูญไปเลย โดยภรรยาของนายบิลลี่ ได้แจ้งความโดยชี้ว่านายชัยวัฒน์เป็นลักพาตัวไป และอาจทำการฆาตกรรมไปแล้ว แต่สุดท้ายศาลเพชรบุรียกฟ้องนายชัยวัฒน์เนื่องจากมีหลักฐานไม่เพียงพอ ท้ายที่สุดมีค้นพบเจอ กระดูกที่มี DNA ตรงกับแม่ของบิลลี่อยู่ในเขตป่าแก่งกระจาน ดังนั้นจึงเชื่อกันว่า บิลลี่อาจโดนอุ้มฆ่าไปแล้ว
เรื่องของป่ากับชาวบ้าน
ถ้าชาวบ้านทำลายป่า จะมีป่าอันอุดมสมบูรณ์กลายเป็นอุทยานฯแก่งกระจาน อุทยานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยได้หรือ?? แก่งกระจานเป็นผืนป่าที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียน มีสัตว์ที่หายากมากมาย รวมแล้วมากกว่า 490 ชนิด ถ้าชาวบ้านตักตวงประโยชน์จากป่ามหาศาลจริงพวกเขาต้องมีบ้านหลังใหญ่ๆ เสื้อผ้าหรูๆ ต้องร่ำรวยสบายแล้วมิใช่หรือ
ชาวบ้านบางกลอย เคยมีความมั่นคงทางอาหารพวกเขาทำไร่หมุนเวียน ที่ดูแลป่าและจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุล แต่ เมื่อถูกห้ามไม่ให้ปลูกข้าวไร่หมุนเวียน วิถีชีวิตตรงนั้นพังทลายลง ต้องกลายเป็นคนทำอาชีพรับจ้างนี่คือการละเมิดสิทธิทางอาชีพทำมาหากินอย่างรุนแรง
ในปี พ.ศ. 2553 คณะรัฐมนตรีได้ผลักดัน “กลุ่มป่าแก่งกระจาน” ขึ้นเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ จากทางยูเนสโก หากป่าแก่งกระจานกลายเป็นมรดกโลกได้สำเร็จ ก็จะนำมาซึ่งชื่อเสียงและรายได้จากการท่องเที่ยว พวกเขามองป่าเป็นแค่มูลค่าทางเศรษฐกิจหรือเปล่า??? ในขณะที่ชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิมเขาเติบโตและผุกพันธ์ุในแผ่นดินเกิด เขามองป่าเป็นจิตวิณญาณสูงสุดไม่มีป่าพวกเขาก็อยู่ไม่ได้
จุดนี้เองทำให้ความขัดแย้งเกิดขึ้น เพราะฝ่ายรัฐจะให้ฝ่ายกะเหรี่ยงลงเขามา ก็ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิต และทางรัฐก็ไม่การันตีอีกว่าจะมอบที่ดินทำกิน ให้พวกเขาประกอบอาชีพ สุดท้ายเรื่องก็เลยต้องลากยาวมาถึงจุดนี้ โดยที่ยังไม่รู้ว่า ประเทศไทยจะหาทางออกได้อย่างไร
#ติดตามคดีฆาตกรรมบิลลี่#Saveบางกลอย








