[:th]CrCF Logo[:]
พอละจี รักจงเจริญ

ศาลอาญาทุจริตฯ สืบพยาน “คดีอุ้มฆ่าบิลลี่” นัดแรกเสร็จสิ้น มึนอ-แม่บิลลี่ ขึ้นเบิกความ

Share

วันที่ 24 เม.ย. 66 เวลา 09.00 น. ณ ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง หลังจากครบรอบ 9 ปี กับการถูกบังคับให้สูญหายของบิลลี่ ศาลอาญาทุจริตฯ ได้นัดสืบพยานคดีนี้ครั้งแรก ในคดีหมายเลขดำที่ อท.166/2565 ซึ่งเป็นคดีที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวกรวม 4 คน ตกเป็นจำเลยในข้อหาร่วมกันฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาอื่น ๆ

การสืบพยานในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากองค์กรการต่างประเทศและสถานทูตจากหลายประเทศ อาทิเช่น สถานทูตสวีเดน สถานทูตเยอรมัน สถานทูตสวิสเซอร์แลนด์ และสื่อหลายสำนักที่มาเข้าร่วมสังเกตการณ์สืบพยานนัดนี้อีกด้วย โดยศาลได้นัดสืบพยานโจทก์ 2 ปากในช่วงเช้า อาทิ นางสาวพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาของนายบิลลี่ ขึ้นเบิกความเป็นปากแรกถึงสาเหตุแรงจูงใจที่ทำให้บิลลี่ถูกประทุษร้ายจนเสียชีวิตและรายละเอียดวันเกิดเหตุ ต่อมานางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของนายบิลลี่ เบิกความรายละเอียดถึงวันเกิดเหตุและสาแหรกหรือรายละเอียดเครือญาติสืบสายโลหิตของมารดานายพอละจีฯ ด้วยภาษากะเหรี่ยงผ่านล่ามแปลภาษาไทยที่โจทก์ร่วมจัดหามา ต่อมาในช่วงบ่าย เวลา 13.30 น. พนักงานสอบสวนในคดีขึ้นเบิกความยืนยันถึงการสืบสวนสอบสวนและการรวบรวมพยานหลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุ จนเสร็จสิ้นในเวลา 17.30 น.

คดีนี้ศาลได้กำหนดนัดไต่สวนพยานทั้งสิ้น 28 ปาก โดยกำหนดนัดไต่สวนพยานโจทก์และจำเลยในคดีทั้งหมด 10 นัด แบ่งเป็น นัดไต่สวนพยานโจทก์ 7 นัด จำนวน 23 ปาก ในวันที่ 24 เมษายน 2566, 22 พฤษภาคม 2566, 17 และ 24-27 กรกฎาคม 2566 นัดไต่สวนพยานจำเลย 3 นัด จำนวน 9 ปาก ในวันที่ 28 และ 30-31 สิงหาคม 2566 และหากต่อมาศาลเห็นว่ามีความจำเป็นต้องสืบพยานเพิ่มเติมจะก็จะเรียกให้มาเป็นพยานภายหลัง การสืบพยานนัดที่ 2 จะเกิดขึ้นในวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 เวลา 09.00 น. ศาลนัดไต่สวนพยานจำนวน 3 ปาก ได้แก่ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน 2 ปาก และนักศึกษาฝึกงานในขณะเกิดเหตุ 1 ปาก

“ฉันต้องเหนื่อยกับการเดินทางบ่อยครั้งมากในคดีของบิลลี่ กับความหวังว่าบิลลี่ยังคงมีชีวิตอยู่ แม้ฉันจะเดินไม่ค่อยไหวต้องมีคอยพยุงไหล่ทั้งสองข้าง แต่ก็ยังจำเป็นต้องเดินทาง ฉันเหน็ดเหนื่อยมาก ๆ และซึมเศร้ามาโดยตลอด แม้ภายในจิตใจฉันจะเศร้าเสียใจถึงขนาดไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว แต่ก็ยังจำเป็นเดินหน้าต่อไปเพื่อลูกชาย ทุกครั้งที่ไปบิลลี่ก็ไม่ได้กลับมาบ้านด้วยสักครั้งทำให้ฉันหมดหวังและเสียใจมาก” แม่โพเราะจี รักจงเจริญ ได้บอกเล่าถึงความรู้สึกตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา 9 ปี

9 ปีที่บิลลี่ไม่ได้กลับบ้านและไม่สามารถที่จะได้แม้แต่กล่าวคำบอกลากับครอบครัว คดีนี้จะสามารถทำให้ครอบครัวของบิลลี่ได้รับความยุติธรรมหรือไม่ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม จึงขอเชิญชวนให้สื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจจับตาดูการไต่สวนพยานโจทก์และจำเลยในคดีนี้อย่างใกล้ชิด รวมถึงติดตามการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม ให้เจ้าหน้าที่แสดงความเป็นอิสระและมืออาชีพ ทำหน้าที่อย่างสุจริต เพื่อนำตัวเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงมาลงโทษตามกฎหมาย และยุติวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดได้อย่างเป็นจริงเพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้กับใครได้อีกต่อไป