สมาคมนักกฎหมายสิทธิฯ-องค์กรเครือข่ายสิทธิฯ ยื่น จม.เปิดผนึกต่ออธิบดีกรมอุทยานฯ เรียกร้องให้ชัยวัฒน์ และพวกออกจากราชการ

Share

สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน และองค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชน ยื่นจดหมายเปิดผนึก ต่ออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช เรียกร้องให้ชัยวัฒน์ และพวกออกจากราชการ

วันนี้ (15 พฤศจิกายน 2565) นายกสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ร่วมกับองค์กรเครือข่ายด้านสิทธิมนุษยชนเข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่ออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยมีนายไกวัล ไทยปาล ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง ผู้แทนอธิบดีมอบหมายพร้อมทั้งเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องรับมอบจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และพวกออกจากราชการ เนื่องจากตกเป็นจำเลยในคดีอาญาร้ายแรงต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 นายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบ้านบางกลอย – ใจแผ่นดิน ได้ถูกจับกุม และนำตัวไปโดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี หลังจากนั้นไม่มีผู้ใดทราบชะตากรรรมของเขาอีกเลย จนกระทั่งต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และพนักงานอัยการได้ร่วมกันสอบสวนคดีจนได้พยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่า เจ้าหน้าที่ที่จับกุมนายพอละจี รักจงเจริญ ไปนั้นได้ร่วมกันกระทำ ผิดต่อนายพอละจี รักจงเจริญ

ดังนั้น เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2565 พนักงานอัยการจึงได้ยื่นฟ้องในคดีอาญากับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร นายบุญแทน บุษราคัม นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ เป็นจำเลย ต่อศาลอาญาทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง ในข้อหาร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำ ยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ

ร่วมกันหน่วง เหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขัง หรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย ร่วมกันโดยทุจริตหรืออำพรางคดี กระทำการใดๆ แก่ศพหรือ สภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดี เปลี่ยนแปลงไป เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

องค์กรสิทธิมนุษยชน กว่า 9 องค์กร ได้แก่ สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (HRLA), มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF), มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (HRDF),  สมาคมสิทธิเสีรีภาพของประชาชน (UCL), ภาคีSaveบางกลอย, มูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม, เครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม เขตงานตะนาวศรีศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR), และศูนย์ศึกษาชาติพันธุ์และการพัฒนา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

จึงร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ในฐานะผู้บังคับบัญชาของนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวก จำเลยทั้ง 4 คน ปฏิบัติตามหน้าที่และใช้อำนาจตามกฎหมายโดยไม่ละเว้น และขอให้มีคำสั่งหรือดำเนินการให้มีคำสั่งให้จำเลยทั้งสี่ ออกจากราชการโดยด่วน

ซึ่งในปัจจุบันนายชัยวัฒน์ และพวกยังคงปฏิบัติราชการอยู่ เชื่อว่าจะมีผลทำให้เกิดความความเสื่อมเสียต่อทางราชการหรือหน่วยงานต้นสังกัด ก่อผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ความไม่ปลอดภัยต่อครอบครัวผู้เสียหาย พยาน และส่งผลต่อการดำเนินคดี โดยเป็นไปได้ว่าจำเลยทั้งสี่อาจอาศัยตำแหน่งหน้าที่เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดีและเป็นอุปสรรคต่อผู้เสียหายในการเข้าถึงความยุติธรรมได้

ซึ่งนางณัฐาศิริ เบิร์กแมน นายกสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ได้ให้ความเห็นในกรณีนี้ว่า “ปัจจุบันนี้แม้นายชัยวัฒน์ ลิมลิขิตอักษร และพวกรวม 4 คน จะถูกฟ้องคดีอาญาร้ายแรงต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง แต่ทั้ง 4 คน แต่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในราชการอยู่ ซึ่งสร้างความวิตก กังวล และหวาดกลัวให้กับประชาชน ชาวบางกลอยเป็นอย่างยิ่งว่า หากเจ้าหน้าที่รัฐยังอยู่ในอำนาจอาจจะส่งผลกระทบต่อคดีอาญาที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลได้

สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนจึงได้พาตัวแทนชาวบ้าน เข้ายื่นหนังสือ ต่ออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมาย ให้สั่งพักราชการ หรือให้ข้าราชการที่ถูกฟ้องว่ากระทำความผิดอาญาร้ายแรงออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังคำพิพากษาอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่นายชัยวัฒน์และพวกเป็นจำเลย ทั้งนี้เพื่อป้องกันความเสียหายต่อทางราชการ และป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อคดีที่อยู่ในชั้นศาล”

โดยกรณีที่นายชัยวัฒน์ และพวกอีก 3 คนเป็นจำเลยในคดีอาญาร้ายแรงนั้น ทางกรมอุทยานฯ ได้ชี้แจงว่าปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง และกรมอุทยานฯไม่สามารถระบุได้ว่าการสอบสวนดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาเท่าใด ทั้งนี้กรมอุทยานฯ จะดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ควบคู่กันไปกับทางกระทรวงทรัพยากรฯ ด้วยเช่นกัน จึงจำเป็นต้องติดตามการดำเนินการและผลของการตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายชัยวัฒน์และพวกจากกระทรวงทรัพยากรฯ และกรมอุทยานฯ ต่อไป

ทั้งนี้นางสาวพิณนภา พฤกภาพรรณ ในฐานะมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรนายพอละจี หรือบิลลี่จะยื่นหนังสือต่อปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ในกรณีเดียวกันอีกต่อไป

Discover more from มูลนิธิผสานวัฒนธรรม

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading

Discover more from มูลนิธิผสานวัฒนธรรม

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading