[:th]CrCF Logo[:]

อัยการแขวง แจ้งพี่สาววันเฉลิม เข้าพบอัยการพิเศษ เพื่อเปรียบเทียบปรับคดีขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน

Share

อัยการแขวงดุสิต 3 “โทรแจ้ง” สิตานัน พี่สาววันเฉลิมเหยื่อบังคับสูญหาย ให้มาพบที่สำนักอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 3 (ดุสิต) เพื่อ “เปรียบเทียบปรับ”

บ่ายวันนี้ (4 ต.ค. 2565) พนักงานอัยการเจ้าของสำนวนได้โทรนัดนางสาวสิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ให้มาพบที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 3 (ดุสิต) ในวันพรุ่งนี้ เวลา 09.30 น. เพื่อเปรียบเทียบปรับ ในคดีที่นางสาวสิตานันต้องตกเป็นผู้ต้องหาในข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน

เดิมอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน จากการที่นางสาวสิตานัน ปฏิเสธการพิมพ์ลายนิ้วมือ และนัดสั่งฟ้องนางสาวสิตานัน ต่อศาลแขวงดุสิต ในวันพรุ่งนี้ เวลา 09.30 น. ณ ศาลแขวงดุสิต ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงนัดเป็นการเปรียบเทียบปรับในภายหลัง

คดีนี้สืบเนื่องจาก หลังนางสาวสิตานันถูกพนักงานสอบสวน สน. นางเลิ้ง แจ้งข้อหาชุมนุมโดยฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เหตุร่วมกับกลุ่มนักเคลื่อนไหวเข้ายื่นหนังสือหน้า สำนักงานองค์การสหประชาชาติ (UN) ประจำประเทศไทยเพื่อยื่นร้องเรียนเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ในวันสิทธิมนุษยชนสากล และเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับน้องชายของตนรวมถึงเหยื่อจากการบังคับสูญหายอื่นๆ ในวันที่ 21 ก.พ.

นางสาวสิตานันจึงได้เข้ารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวน และให้ความร่วมมืออย่างดีในการให้ข้อมูลตามบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนราษฎร ภาพถ่ายใบหน้า และหลักฐานอื่นๆ เพื่ออำนวยให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติอาชญากรได้อย่างเต็มที่ เพียงแต่ปฏิเสธการพิมพ์ลายนิ้วมือเนื่องจากเห็นว่าเจ้าหน้าที่ได้รับหลักฐานครบถ้วนพอที่จะยืนยันตัวตนได้ชัดเจนเพียงพอแล้ว

อีกทั้งเจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงเอกสารเกี่ยวกับประวัติอาชญากรของตนทางเว็บไซต์ของกองทะเบียนประวัติอาชญากรได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ลายพิมพ์นิ้วมือ จึงมองว่าการพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นการละเมิดสิทธิในร่างกายของตนเกินความจำเป็น และไม่มีเจตนาขัดคำสั่งเจ้าพนักงานแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กลับแจ้งข้อหาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา จากการที่นางสาวสิตานันปฏิเสธการพิมพ์ลายนิ้วมือ โดยในภายหลังอัยการมีความเห็นไม่สั่งฟ้องข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน แต่กลับสั่งฟ้องข้อหาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานเพียงข้อหาเดียว คดีดังกล่าวเป็นคดีอาญาที่มีโทษเพียงเล็กน้อย และสามารถเสียเงินค่าปรับเพื่อยุติคดีหากจำเลยรับสารภาพ นางสาวสิตานันเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่มีมูลความผิด การแจ้งข้อหาเช่นนี้เป็นการสร้างภาระทางคดีเพื่อกลั่นแกล้งตน จึงพร้อมต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอเชิญชวนให้สื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจ ติดตามนัดพบอัยการในครั้งนี้ ตามวันและเวลาดังกล่าว และติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป