[:th]CrCF Logo[:]

ศาลชั้นต้น ยกฟ้องคดีนายสุรัช เผือกพันธ์ด่อน เหยื่อถูกซ้อมทรมานให้รับสารภาพข้อหาครอบครองยาเสพติด

Share

ศาลชั้นต้น ยกฟ้องคดีนายสุรัช เผือกพันธ์ด่อน เหยื่อถูกซ้อมทรมาน ให้รับสารภาพข้อหาครอบครองยาเสพติด

วันที่ 2 ส.ค. 2565 ศาลจังหวัดกาญจนบุรีอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นยกฟ้อง คดีที่นาย สุรัช เผือกพันธ์ด่อน ถูกจับ และแจ้งข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง หมายเลขคดี 569/2562 เนื่องจากศาลเห็นว่าตำรวจชุดที่เข้าจับซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจากศูนย์อำนวยการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่มีหลักฐานยืนยันได้ว่าจำเลยครอบครองยาเสพติด อีกทั้งประจักษ์พยานโจทก์หลายปากเบิกความขัดแย้งกัน เป็นพิรุธให้สงสัยว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงตามฟ้องหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย

คดีนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2562 หรือเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ในวันที่ 23 ต.ค. 2562 เวลาประมาณ 3.00 น. นายสุรัช ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายบุกเข้าไปที่บ้าน และร่วมกันทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสลบ แล้วมีการนำตัวนายสุรัชไปที่ใดไม่มีใครทราบ

ในวันเดียวกันนั้นเองนายกัมพล เสือดาว ลุงของนายสุรัช ผู้เป็นประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์นายสุรัชถูกทำร้ายร่างกายจนสลบ แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อให้มีการติดตามหาตัวนายสุรัช และดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่จับตัวหลานตนไป

ต่อมากลุ่มบุคคลดังกล่าวได้นำตัวนายสุรัชซึ่งอยู่ในสภาพสาหัส มีเลือดออกหลายแห่ง และนอนไม่ได้สติ มาส่งที่โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 แม้จะรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่เป็นเวลานานกว่า 5 สัปดาห์ จึงมีอาการดีขึ้นบ้างแต่ยังอยู่ในสภาพที่ร่างกาย และจิตใจได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมากจนมีสภาพไม่ปกติตามเดิม

จากการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่ใช้ความรุนแรงกรณีดังกล่าว จึงได้มีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าม่วงได้ดำเนินคดีอาญา เลขที่ 35/2563 ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. 2563 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคดีที่เจ้าหน้าที่ซ้อมทรมานให้นายสุรัชรับสารภาพ สำนวนยังคงอยู่ที่อัยการมากว่า 2 ปีแล้ว และยังไม่มีการสั่งฟ้องหรือเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาแต่อย่างใด

เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2565 นายสุรัช ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ขอให้เร่งรัดดำเนินการทางคดีต่อผู้กระทำผิด กรณีที่ตนถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อมทรมานให้รับสารภาพ ให้ดำเนินการนำตัวเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดมาลงโทษโดยไม่ชักช้า เพื่อเป็นหลักประกันว่า กระบวนการยุติธรรมจะคุ้มครองประชาชนทุกคนโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือประชาชนทั่วไปก็ตาม แม้โฆษกอัยการสูงสุดจะแถลงความคืบหน้าว่าได้ทราบเรื่องถึงคดีซ้อมทรมานของนายสุรัชแล้ว และแจ้งว่าปัจจุบันคดีอยู่ที่สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 และอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ แต่ก็ยังไม่ปรากฏความคืบหน้าใดๆ

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม จึงขอเชิญชวนให้สื่อมวลชน และประชาชนที่สนใจ ติดตามความคืบหน้าของคดีซ้อมทรมานนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อเร่งรัดให้การสืบสวนและการดำเนินการทางกฎหมายในคดีนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว เพื่อให้ผู้เสียหาย และครอบครัวได้รับความยุติธรรม และเข้าถึงการเยียวยา