อัยการแขวง 3 นัดรายงานตัวสิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ครั้งที่สาม หลังถูกแจ้ง 2 ข้อหา เหตุร่วมยื่นหนังสือหน้าองค์การสหประชาชาติ ทวงความเป็นธรรมให้น้องชาย
วันนี้ (24 ส.ค. 2565) เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 3 (ดุสิต) พนักงานอัยการนัดรายงานตัวนางสาว สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ครั้งที่ 2 หลังพนักงานสอบสวน สน. นางเลิ้งแจ้งข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน จากเหตุร่วมกับกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ยื่นหนังสือหน้าองค์การสหประชาชาติ (UN) เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 64
โดยในวันนี้นางสาวสิตานันได้ส่งทนายความ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เข้ารายงานตัวต่อพนักงานอัยการแทนตน ซึ่งพนักงานอัยการได้แจ้งแก่ทนายความว่า คดีอยู่ระหว่างรอคำสั่งของอัยการสูงสุด จึงนัดรายงานตัวครั้งที่ 3 วันที่ 21 พ.ย.65 เวลา 10.00 น.
กรณีนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2564 นางสาวสิตานัน เข้าร่วมกับกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี และ องค์การบริหารองค์การนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้ายื่นหนังสือหน้าสำนักงาน องค์การสหประชาชาติ (UN) ประจำประเทศไทย เพื่อเรียกร้องให้ UN และนานาชาติ กดดันรัฐบาลประยุทธ์ให้หยุดก่ออาชญกรรมและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงต่อประชาชนไทย
ในฐานะผู้เสียหายนางสาวสิตานัน ได้ออกมาเพื่อทวงถามถึงความคืบหน้าในคดีการหายตัวไปของวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองซึ่งถูกบังคับสูญหายที่ประเทศกัมพูชาเมื่อปี 2563 ผู้เป็นน้องชายของตน และเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่เหยื่อการบังคับสูญหายรายอื่นๆ อีกด้วย
เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2565 สำนักงานอัยการสูงสุดได้ส่งหนังสือตอบกลับนางสาวสิตานัน หลังนางสาวสิตานัน ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดไว้ก่อนหน้า โดยหนังสือตอบกลับมีใจความว่า สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับเรื่องดังกล่าวแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อพิจารณาให้ความเป็นธรรมต่อไป
คดีนี้เป็นการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อปิดปาก เพิ่มภาระให้แก่ประชาชน อีกทั้งสิตานันเป็นหนึ่งในครอบครัวของผู้เสียหายที่ออกมาเรียกร้องตามหาน้องชายที่ถูกอุ้มหายไปอย่างไม่ทราบชะตากรรม กลับต้องถูกแจ้งความดำเนินคดีปิดปาก ย่อมเป็นการสร้างบาดแผล และความทุกข์ใจให้กับครอบครัวของผู้เสียหายเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม จึงขอให้สื่อมวลชน และสาธารณชน ร่วมกันติดตามนัดรายงานตัวต่อพนักงานอัยการครั้งต่อไปของนางสาวสิตานันได้ตามวันและเวลาดังกล่าว และร่วมติดตามความเห็นของพนักงานอัยการว่า จะสั่งฟ้องคดีนี้และข้อหาใดต่อไป