วันที่ 23 – 24 มิ.ย. 65 เวลา 8.30 น. เป็นต้นไป ศาลมณฑลทหารบกที่ 46 นัดสืบพยานในคดีดำที่ 41 ก./2563 หรือคดีที่พลทหารวิเชียร เผือกสม ถูก ร้อยโทภูริ เพิกโสภณ กับเจ้าหน้าที่ทหารรวม 9 คนรุมซ้อมทรมาน ในหน่วยฝึกทหารใหม่ ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จนเสียชีวิตลงเมื่อ 11 ปีก่อน โดยในนัดสืบพยานครั้งนี้ จะมีพยานบุคคลเข้าให้ถ้อยคำมากกว่า 40 ปาก
คดีนี้สืบเนื่องจาก พลทหารวิเชียร เผือกสม ได้สมัครเข้ารับการราชการทหารกองประจำการ ผลัดที่ 1/2554 สังกัด ร.151 พัน.3 และเข้าฝึกยังหน่วยฝึกทหารใหม่ในค่ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส
ต่อมา ปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2554 พลทหารวิเชียร เผือกสม ถูกร้อยโทภูริ เพิกโสภณ กับพวกเจ้าหน้าที่ทหารรวม 9 คน รุมทำร้ายซ้อมทรมานในหน่วยฝึกทหารใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ผู้ซ้อมทรมานอ้างเหตุว่า พลทหารวิเชียรหลบหนีการฝึก จนทำให้พลทหารวิเชียรได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตลงในวันที่ 5 มิ.ย. 2554 จากอาการไตวายเฉียบพลัน และกล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง
ที่ผ่านมา นางสาวนริศราวัลย์ แก้วนพรัตน์ หลานสาวของพลทหารวิเชียร เผือกสม ได้เดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมในทางคดีตลอด 11 ปีที่ผ่านมา และได้มีการยื่นฟ้องทั้งคดีแพ่ง และคดีอาญา ในส่วนของคดีแพ่ง โจทก์ฟ้องกระทรวงกลาโหม กองทัพบก และ สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย และศาลได้พิพากษาให้คดีความเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557 โดยกองทัพบกจ่ายเงิน 7 ล้านกว่าบาทแก่โจทก์
ทว่าในส่วนของคดีอาญามีความความล่าช้ามาก โดยคดีนี้อยู่ในความรับผิดชอบคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) แล้วสรุปสำนวนส่งไปยังอัยการศาลทหาร รวมระยะเวลา 9 ปี จึงได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลทหารเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 และยังคงอยู่ในกระบวนการดำเนินคดีมาจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2565 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้ส่งหนังสือถึงศาลมณฑลทหารบกที่ 46 เพื่อขอให้ตัวแทนจากมูลนิธิฯ จำนวน 3 คน เข้าสังเกตการณ์คดีในนัดสืบพยานครั้งนี้อย่างใกล้ชิด โดยศาลมณฑลทหารบกที่ 46 ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ตัวแทนจากมูลนิธิเข้าร่วมฟังการพิจารณาคดีในครั้งนี้ได้
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม จึงขอเชิญชวนให้สื่อมวลชน และประชาชน ติดตามนัดสืบพยานในคดีพลทหารวิเชียร เผือกสม ในวัน และเวลาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อเร่งรัดให้คดีมีความคืบหน้าโดยเร็ว ให้ศาลสืบสวนสอบสวนให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงเพื่อคืนความเป็นธรรมให้แก่ผู้เสียหาย และนำตัวเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงมาลงโทษตามกฎหมาย รวมถึงให้รัฐเยียวยาครอบครัวเผือกสมให้สมควรแก่อาชญากรรมร้ายแรงที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
อนึ่ง มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้รับการร้องเรียนกรณีพลทหารถูกทำร้าย และกระทำทรมานโดยครูฝึก ผู้บังคับบัญชา หรือผู้คุมในกรณีตกเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำทหารหลายกรณีตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา และยังไม่มีทีท่าว่าการละเมิดสิทธิมนุษยชนในลักษณะนี้จะยุติลง
มูลนิธิฯ จึงขอเรียกร้องให้วุฒิสภาเร่งรัดการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. …….. ซึ่งผ่านการรับรองโดยสภาผู้แทนราษฎรด้วยมติเอกฉันท์ และได้ส่งให้วุฒิสภาไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยขอให้วุฒิสภาผ่านการรับรองร่างกฎหมายดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อให้เกิดกฎหมายที่จะคุ้มครองประชาชนทุกคนจากการซ้อมทรมาน และบังคับสูญหายอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป