สิตานันยื่นเอกสารแปลไทย-เขมร 177 หน้าต่อศาลกรุงพนมเปญ ยืนยันวันที่ 4 มิถุนายน 2563 วันเฉลิมถูกบังคับขึ้นรถหายไปจากบริเวณที่พักกลางกรุงพนมเปญ
ในวันที่ 8 ธันวาคม 2563 นางสาว สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของนาย วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ ในฐานะผู้เสียหายและพยาน พร้อมด้วยทนายความกัมพูชาและล่ามภาษาไทย-เขมร ได้ให้การต่อตุลาการผู้ไต่สวนคดี โดยให้การด้วยวาจาพร้อมส่งพยานหลักฐานและเอกสารแปลไทย-เขมรจำนวนรวม 177 หน้า ในคดีที่คนร้ายกระทำผิดต่อนาย วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ โดยควบคุมตัวหรือการกักขังหน่วงเหนี่ยว และการครอบครองอาวุธโดยผิดกฎหมาย ซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ระหว่างเวลา 9.00-10.20 น. ในห้องประชุมชั้น 5 ห้องประชุมอธิบดีศาลศาลชั้นต้นกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
คดีนี้เป็นคดีอาญาหมายเลข 4832 ที่นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ ได้ถูกคนร้ายใช้อาวุธบังคับขึ้นรถยนต์และหายไป เหตุเกิดกลางกรุงพนมเปญ เวลาประมาณ 16.45 น. ถึง 16.54 น. เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563 เหตุเกิดบริเวณหน้า แม่โขงการ์เดนส์ คอนโดมิเนียม ที่อยู่ National Road 6 A, Sangkat Chroy Changvar, Khan Chroy Changvar, Phnom Penh ที่นายวันเฉลิมพักอาศัยอยู่
นางสาวสิตานัน ได้ให้การต่อตุลาการผู้ไต่สวนคดียืนยันว่าเอกสาร และหลักฐานที่เคยส่งมอบให้พนักงานอัยการก่อนหน้านี้คือบันทึกจากกล้องวงจรปิดเป็นภาพเคลื่อนไหวของรถยนต์โตโยต้า ไฮแลนเดอร์ สีน้ำเงินเข้มที่ผู้เห็นเหตุการระบุว่าคนร้ายในชุดดำพร้อมอาวุธอย่างน้อยสามคนบังคับลากเอาตัวนายวันเฉลิมขึ้นรถยนต์คันดังกล่าวหายไป
และบันทึกภาพเคลื่อนไหวของพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดมีเนียมที่นายวันเฉลิมพักอาศัยจำนวนสองคน ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่าพนักงานทั้งสองคนพยายามเข้าไปช่วยนายวันเฉลิมแต่ต้องถอยกลับเนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืน
นางสาวสิตานัน ยังได้ส่งพยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว หลักฐานเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ หลักฐานการเงิน หนังสือเดินทาง ที่สามารถยืนยันว่า นายวันเฉลิมได้พักอาศัยในกรุงพนมเปญหลังจากเขาได้ลี้ภัยจากประเทศไทยเข้ามาอยู่ที่กรุงพนมเปญหลังการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อปี 2557 และอยู่อาศัยที่คอนโดมีเนียมบริเวณที่เกิดเหตุดังกล่าวข้างต้นจนถึงวันที่เขาถูกคนร้ายบังคับให้สูญหายไป
นางสาวสิตานันยังเป็นประจักษ์พยานให้การว่า ในขณะเกิดเหตุตนกำลังพูดคุยกับนายวันเฉลิมทาง Line Application ได้ยินเสียงดังเหมือนสิ่งของกระแทกกัน และได้ยินนายวันเฉลิมพูดว่า “หายใจไม่ออก” หลายครั้ง และเสียงผู้ชายหลายคนพูดกันเป็นภาษาเขมรประมาณ 16 นาทีเนื่องจากนายวันเฉลิมใช้บลูทูธ หลังจากนั้นสายโทรศัพท์ได้ตัดไป เธอยังพยายามโทรกลับไปหาวันเฉลิมอีกหลายครั้งและไม่สามารถติดต่อได้อีก
“หลักฐานเหล่านี้ดิฉันเชื่อมั่นว่าเพียงพอสำหรับตุลาการผู้ไต่สวนคดีที่จะสั่งให้เจ้าหน้าที่กัมพูชาดำเนินการให้มีการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมต่อไปได้ว่า ได้เกิดอะไรขึ้นกับวันเฉลิมในวันที่ถูกคนร้ายอุ้มหายไป มีรายละเอียดอย่างไร กลุ่มชายในชุดดำที่มีอาวุธเป็นใคร และใครอยู่เบื้องหลังการก่ออาชญากรรมร้ายแรงดังกล่าว เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดฟ้องต่อศาลชั้นต้นแห่งกรุงพนมเปญ เพื่อลงโทษผู้กระทำผิดและผู้อยู่เบื้องหลังต่อไป” นางสาวสิตานัน กล่าว
“อย่างไรก็ตามดิฉัน และทีมทนายความก็จะพยายามรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเท่าที่จะทำได้ โดยจะส่งผ่านให้ทนายความกัมพูชายื่นต่อตุลาการผู้ไต่สวนคดีต่อไปหลังจากที่เดินทางกลับประเทศไทยไปแล้ว”
อนึ่งนางสาวสิตานัน ยังได้เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2563 ตนพร้อมทีมทนายความจากประเทศไทยได้เข้าพบกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นตัวแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชา เพื่อสอบถามความคืบหน้าของการสอบสวนคดีหลังเกิดเหตุการณ์กว่า 6 เดือนแล้ว แต่ทางตำรวจยังยืนยันว่า ไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับนายวันเฉลิม และเรื่องที่คนร้ายบังคับให้เขาสูญหายไป โดยกล่าวว่า ขอให้นางสาวสิตานันท์ช่วยหาพยานหลักฐานให้ตำรวจ ให้เพื่อทางตำรวจสามารถสืบสวนสอบสวนต่อไปได้เช่นกัน
คดีนี้ตามหลักกฎหมายวิธิพิจารณาความอาญาของประเทศกัมพูชา หากตุลาการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานครบถ้วนแล้ว คดีมีมูลพอที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีผู้กระทำความผิดได้ ตุลาการผู้ไต่สวนคดีก็จะทำคำแนะนำให้พนักงานอัยการฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลชั้นต้นแห่งกรุงพนมเปญต่อไป
ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมที่
นางสาว พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม +66659793836 (Signal/whatapps)
นางสาว มนทนา ดวงประภา ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน +66966312674 (Signal)