[:th]
นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด พิจารณาทบทวนเพื่อถอนฟ้องนายวุฒิ บุญเลิศ นักสิทธิมนุษยชนผู้นำชาวกะเหรี่ยง กรณีเจ้าหน้าที่เผาบ้านปู่คออี้ที่แก่งกระจาน ที่ถูกนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานแจ้งความดำเนินคดี
หนังสือร้องเรียนระบุว่า มูลนิธิผสานวัฒนธรรมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า นายวุฒิ บุญเลิศ ได้แชร์ข้อความของนายสมัคร ดอนนาปีในเฟซบุค (Facebook) มีข้อความว่า “ไร่ชัยราชพฤกษ์อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่ถือครองตามมติคณะรัฐมนตรีลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๑ รวม ๑๐๐ ไร่ การตรวจสอบร้องเรียนโดยกรมป่าไม้ตั้งแต่ปี ๒๕๔๑ จนถึงปัจจุบัน ล่าสุดเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ อธิบดีกรมป่าไม้
(นายชลธิศ สุรัสวดี) ได้มีหนังสือรายงายการตรวจสอบไร่ชัยราชพฤกษ์ มีเนื้อที่ ๑๐๐ ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และอยู่ในพื้นที่สำรวจการถือครองตามมติคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๑ มีนายไพโรจน์ ลิ้มลิขิตอักษร เป็นผู้ถือครองเนื้อที่ประมาณ ๗๓ ไร่ ซึ่งกรมป่าไม้ต้องทวงคืนพื้นที่ แต่อธิบดีกรมป่าไม้กลับเพิกเฉยไม่สั่งการใดๆ” ซึ่งต่อมานายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรได้แจ้งความดำเนินคดีนายวุฒิ บุญเลิศ ฐานร่วมหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดมีนบุรี
มูลนิธิผสานวัฒนธรรมเห็นว่า ข้อความที่นายวุฒิแชร์ ไม่ได้กล่าวถึงนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรแต่อย่างใด แต่กล่าวถึงนายไพโรจน์ ลิ้มลิขิตอักษรซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่พิพาท การกระทำของนายวุฒิเป็นการแสดง
ความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม เพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบเรื่องการครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ อันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ ทั้งเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์แก่สาธารณะ จึงย่อมไม่เป็นความผิดตามที่ถูกฟ้องดำเนินคดี
นายสุรพงษ์ กองจันทึก กล่าวว่า นายวุฒิ บุญเลิศ เป็นผู้นำชาวกะเหรี่ยงที่ออกมาต่อสู้ร้องเรียน กรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน สมัยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรเป็นหัวหน้าอุทยาน เผาบ้านยุ้งฉาง และขับไล่ชาวบ้านรวมทั้งปู่คออี้ มีมิ ออกจากบ้านใจแผ่นดินหรือบางกลอยบน ซึ่งผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติระบุว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และล่าสุดมีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด พิพากษาว่าเจ้าหน้าที่กระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมายเป็นการละเมิดต่อชาวบ้านกะเหรี่ยง และให้ชดใช้ค่าเสียหายให้กับปู่คออี้และพวก
นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การลุกขึ้นมาเรียกร้องทำให้นายวุฒิและองค์กรที่นายวุฒิเป็นประธาน คือ เครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เขตงานตะนาวศรี เป็นองค์กรที่ได้รับรางวัลดีเด่นด้านการส่งเสริม ปกป้อง และคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ประจำปี ๒๕๕๙ จากสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ การที่นายวุฒิถูกฟ้องดำเนินคดีเช่นนี้ อาจเข้าข่ายเป็นลักษณะการใช้กฎหมายดำเนินคดี เพื่อสร้างความยุ่งยากให้แก่นักกิจกรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือนักสิทธิมนุษยชน ที่เรียกว่า คดีปิดปาก หรือ Strategic Lawsuit Against Plubic Participation (SLAAP) ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรมที่รัฐยึดถือ
ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า จะดำเนินการเสนอเรื่องดังกล่าวต่อท่านอัยการสูงสุดต่อไป เพื่อให้ท่านได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการที่เป็นอิสระ และเป็นกลางตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ส่วนระยะเวลาการตรวจสอบคาดว่าไม่นาน โดยทางสำนักงานอัยการจะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียดเพื่อให้ความเป็นธรรมต่อไป
สำหรับคดีความนั้น ในวันนี้ (28 มกราคม 2562) ผู้พิพากษาศาลจังหวัดมีนบุรีออกนั่งพิจารณา นัดตรวจพยานหลักฐานและกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลย โดยทนายโจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอบังคับจำเลยทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการร่วมกันหมิ่นประมาทโจทก์ร่วม (นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร) เป็นเงินจำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ด้านจำเลยทั้งสอง (นายสมัคร ดอนนาปี และนายวุฒิ บุญเลิศ) แถลงต่อศาลประสงค์
จะทำคำให้การต่อสู้คดีในส่วนแพ่งเป็นหนังสือภายในกำหนดระยะเวลา 30 วัน และขอเวลานำพยานหลักฐานต่าง ๆ มายื่นศาลให้ครบถ้วนก่อน ด้วยเหตุนี้ศาลจึงมีคำสั่งเลื่อนนัดพร้อมเพื่อตรวจพยานหลักฐานและกำหนด
วันนัดสืบพยานอีกครั้งในวันที่ 4 มีนาคม 2562 เวลา 13.30 นาฬิกา
[:]