วันที่ (31 ก.ค. 2561) ที่ห้องพิจารณาคดี 808 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ศาลนัดสืบพยานคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลย 14 คน ซึ่งเป็นชายชาวจังหวัดนราธิวาส และจังหวัดปัตตานีรวม 14 คน อายุระหว่าง 19-32 ปี ในข้อหาร่วมกันเป็นอั้งยี่ ร่วมกันเป็นซ่องโจร และมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย (คดีระเบิดน้ำบูดู)
การสืบพยานในวันนี้ แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกทนายจำเลยได้ทำการซักค้านพยานโจทก์ คือ พ.ต.ท.หญิง ดวงมณี พานนาค สารวัตร (สอบสวน) กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ซึ่งเป็นพยานโจทก์ปากสุดท้ายจากทั้งหมด 36 ปาก และช่วงที่ 2 เป็นการเริ่มสืบพยานจำเลย โดยจำเลยที่ 1 คือ นายตาลมีซี โต๊ะตาหยง ขึ้นเบิกความในฐานะพยาน
คดีนี้เกิดขึ้นภายหลังเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจสนธิกำลังตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัยย่านรามคำแหง กรุงเทพฯ และ ต.บางเสาธง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อเดือนตุลาคม 2559 เนื่องจากการข่าวของฝ่ายความมั่นคงระบุว่า มีกลุ่มบุคคลวางแผนลอบวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลในช่วงเวลาดังกล่าว ในการซักค้านพยานโจทก์ ซึ่งใช้เวลารวมประมาณ 5 ชั่วโมง ทีมทนายจำเลยจากศูนย์ทนายความมุสลิมได้ซักถามในประเด็นความไม่สอดคล้องกันระหว่างคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนของตำรวจกับคำให้การในบันทึกการซักถาม
ต่อมาเวลา 15.45 น. ศาลเริ่มสืบพยานจำเลยซึ่งเป็นนัดแรก โดยนายตาลมีซี โต๊ะตาหยง จำเลยที่ 1 ซึ่งทีมทนายระบุว่าเป็นจำเลยที่สำคัญที่สุดของคดีนี้ ได้ขึ้นเบิกความเป็นภาษายาวี โดยมีล่ามแปลเป็นภาษาไทย ทนายจำเลยที่ 1 เป็นผู้ซักถามพยานทนายจึงใช้เวลาค่อนข้างนานในการซักถาม จนถึงเวลา 17.00 น. ศาลจึงสั่งพักการพิจารณา และนัดสืบพยาน (นายตาลมีซี) ต่อในวันพรุ่งนี้ (1 ส.ค.) ซึ่งทีมทนายจำเลยจะให้จำเลยที่เหลืออีกทั้ง 13 คนขึ้นให้การต่อจนครบทุกคน
ทั้งนี้ศาลกำหนดให้สืบพยานจำเลยในคดีนี้เป็นเวลา 4 วัน คือ ระหว่างวันที่ 31 ก.ค.-3 ส.ค.2561
การสืบพยานวันนี้ มีญาติของจำเลยมาร่วมฟังรับฟังไม่ต่ำกว่า 30 คน เนื่องจากเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการพิจารณาคดีที่จำเลยขึ้นให้การ