แถลงการณ์ เครือข่ายติดตามความคืบหน้าคดีวิสามัญฆาตกรรม ชัยภูมิ ป่าแส เรื่อง หนึ่งปีแห่งการจากไปของ “ชัยภูมิ” ที่ยังคงไร้คำตอบ
แม้ว่าการตายของชัยภูมิ ป่าแส จะผ่านไปมากกว่าหนึ่งปีแล้ว แต่ดูราวกับว่าการพิสูจน์ถึงการตายของเขาจะยังไม่มีความคืบหน้ามากเท่าใด ในห้วงเวลาที่ผ่านมา มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ต้องสูญเสียชีวิตไปอย่างไม่ปกติ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องในทางใดทางหนึ่ง รวมทั้งการถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องต่อมรณกรรมที่เกิดขึ้น และบุคคลจำนวนไม่น้อยที่เสียชีวิตไปก็อาจต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาในลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย การขัดขืนต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐในระหว่างการเข้าจับกุม ในขณะที่บางส่วนเป็นบุคคลที่ต้องสูญเสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติหน้าที่เป็นทหารเกณฑ์ หรือแม้ระหว่างการเรียนอยู่ในสถานศึกษาทางทหารก็ตาม
การค้นหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น มีสาเหตุจากสิ่งใด และใครควรเป็นผู้รับผิดชอบทางกฎหมาย แทบจะไม่ปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างชัดเจนเลยสักครั้งเดียวในการสูญเสียชีวิตอย่างผิดปกติ หรือ “วิสามัญมรณะ” เหล่านี้
กรณีการวิสามัญฆาตกรรม ชัยภูมิ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 เดือนมีนาคม พ.ศ. 2560 ก็นับเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ดังที่กล่าวมา ในระยะแรกของเหตุการณ์ ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ให้เหตุผลว่าเป็นการกระทำที่มีความจำเป็นเพราะการต่อสู้ของชัยภูมิ พร้อมกับยืนยันว่ามีหลักฐานอย่างแน่นหนาโดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิด อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่ได้มีความพยายามต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมมาอย่างต่อเนื่อง พยานหลักฐานที่เคยกล่าวอ้างจากทางเจ้าหน้าที่รัฐก็ไม่ได้ปรากฏอยู่ในกระบวนการยุติธรรมแต่อย่างใด
แม้จะเป็นที่รับรู้กันว่าการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้เกิดความรับผิดในกรณีของวิสามัญมรณะ อันหมายถึงการสูญเสียชีวิตที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง จะเป็นการดำเนินการที่ต้องประสบกับความยากลำบากไม่น้อยอันเป็นผลมาจากข้อจำกัดด้านพยานหลักฐาน อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐ ระยะเวลาที่ยาวนาน ต้นทุนในการดำเนินการที่มีอยู่มาก ดังกรณีของ ชัยภูมิ ป่าแส ซึ่งเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งปีแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่ในช่วงเวลาของการไต่สวนการตาย ซึ่งศาลจังหวัดเชียงใหม่จะอ่านคำสั่งในวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2561 นี้
ทางเครือข่ายติดตามความคืบหน้าคดีวิสามัญฆาตกรรม ชัยภูมิ ป่าแส ขอยืนยันว่า จะยังคงสนับสนุนการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม และเรียกร้องให้สังคมร่วมกันติดตามความคืบหน้าของคดีนี้ต่อไปจนกว่าจะสามารถพิสูจน์ทราบถึงความจริงที่ได้เกิดขึ้นอย่างชัดเจน
ความพยายามในการต่อสู้ผ่านทางกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้ข้อเท็จจริงได้ปรากฏขึ้น ไม่ใช่เพียงการต่อสู้เพื่อแสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ของผู้ที่เสียชีวิตไป หรือการลงโทษบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือผู้ที่พยายามปกปิดความผิดเท่านั้น หากความพยายามดังกล่าวนี้จะเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้สังคมสามารถเรียนรู้ถึงการใช้อำนาจนอกกรอบของกฎหมายเพื่อนำไปสู่ความพยายามในการวางบรรทัดฐานใหม่ให้เกิดขึ้นในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลใดในสังคมไทยต้องประสบกับวิสามัญมรณะอีกต่อไปในภาคหน้า
5 มิถุนายน พ.ศ. 2561
ที่มา ศูนย์วิจัยและพัฒนากฎหมาย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่