เผยแพร่วันที่ 22 พฤษภาคม2561
แถลงการณ์
สี่ปีรัฐประหาร นิติรัฐสูญหาย เลือกตั้งคือทางออก
ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ก่อการรัฐประหาร ยึดอำนาจการปกครองประเทศโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและวิธีทางประชาธิปไตย โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ได้ใช้กำลังเข้ายึดอำนาจและตั้งตนเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์ หลังจากนั้นได้จัดตั้งรัฐบาลและประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ภายใต้การควบคุมแบบเบ็ดเสร็จของ คสช. ขณะนี้เป็นเวลาสี่ปีแล้วที่ คสช.และรัฐบาลทหารยังไม่คืนประชาธิปไตยและสิทธิในการเลือกตั้งให้แก่ประชาชนชาวไทย โดยคำมั่นสัญญาที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้ให้ไว้กับประชาชนและประชาคมระหว่างประเทศในหลายๆโอกาสว่าจะมีการเลือกตั้งโดยเร็ว รวมทั้งข้อสัญญาว่าจะมีการเลือกตั้งภายในปี ๒๕๖๑ มีอันต้องเลื่อนออกไปโดยข้ออ้างต่างๆ ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นว่าจะมีการเลือกตั้งตามคำมั่นสัญญาดังกล่าว
การชุมนุมของกลุ่ม “คนอยากเลือกตั้ง” จึงเป็นการแสดงออกทางการเมืองที่มีเหตุผล เพื่อกระตุ้นเตือน คสช. ให้ซื่อสัตย์ต่อคำมั่นสัญญาที่ให้แก่ประชาชน ทั้งการชุมนุมก็ดำเนินการให้ถูกต้องตามพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นและการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ซึ่งชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และกฎหมายระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตาม ดังนั้นการที่รัฐบาล และ คสช. พยายามขัดขวางการชุมนุมของคนอยากเลือกตั้งด้วยกลวิธีและข้ออ้างต่างๆ แทนที่จะยืนยันต่อประชาชนว่าจะดำเนินการให้มีการเลือกตั้งอย่างเสรีและเป็นธรรมตามที่ได้สัญญาไว้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความไม่จริงใจของ คสช. ในการคืนประชาธิปไตยและสิทธิในการเลือกตั้งให้แก่ประชาชน ท่าทีดังกล่าวของ คสช. ในการพยายามขัดขวางการชุมนุม อาจทำให้สถานการณ์ทางการเมืองของประเทศเลวร้ายยิ่งขึ้น
มูลนิธิผสานวัฒนธรรมขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเคารพสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนในการรวมกลุ่ม การแสดงออกทางความคิดเห็นของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งและของประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่ต้องการแสดงออกทางการเมืองในวาระครบรอบสี่ปีรัฐประหาร การใช้เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจที่มากเกินความจำเป็นก็อาจจะนำมาซึ่งความเสียหายต่อภาพพจน์ของประเทศยิ่งขึ้น อีกทั้งรัฐบาลและผู้นำคสช.บางคนต้องยุติการข่มขู่หรืออ้างประกาศคำสั่งของคสช.ซึ่งเป็นกฎหมายที่ไม่ชอบธรรมมากีดกั้นการแสดงออกโดยชอบธรรมของประชาชน
สำหรับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเป็นสถานที่เริ่มต้นชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอให้มหาวิทยาลัยและบุคลากรอำนวยความสะดวกให้กับผู้ชุมนุมเพื่อให้สามารถแสดงเจตนารมย์ได้อย่างสันติ โดยไม่กีดกั้นและแสดงอคติต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน อันเป็นประเพณีที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ของประชาชนได้ยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด
ยิ่งไปกว่านั้นที่ผ่านมา นอกจากยึดเอาประชาธิปไตยและสิทธิในการเลือกตั้งของประชาชนไปแล้ว คสช. ยังได้ทำลายหลักการทางกฎหมายและนิติธรรม/นิติรัฐของประเทศลงอย่างสิ้นเชิง ด้วยการใช้อำนาจตามอำเภอใจ ไร้การตรวจสอบถ่วงดุล และลิดรอนสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ทั้งไม่มีการดำเนินการใดๆที่เหมาะสมเพียงพอที่เอื้อให้เกิดความปรองดองของคนในชาติดังที่เป็นข้ออ้างในการก่อการรัฐประหาร มูลนิธิผสานวัฒนธรรมเห็นว่ารัฐบาล และคสช.ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อคืนประชาธิปไตยและนำไปสู่การเลือกตั้งดังที่ได้สัญญาไว้ เพื่อให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งสามารถเข้ามาแก้ไขสถานการณ์อย่างชอบธรรม สร้างประชาธิปไตย และฟื้นฟูความเข้มแข็งแก่นิติธรรม/นิติรัฐต่อไป