[:th]CrCF Logo[:]

ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ฤทธิรงค์ กับบิดาฟ้อง ตำรวจกรณีซ้อมทรมาน ไม่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริต

Share

ใบแจ้งข่าว  ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีนายฤทธิรงค์ ฯ ฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจกรณีซ้อมทรมาน ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตฯ

คดีที่นายฤทธิรงค์ ชื่นจิตร เป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนซ้อมทรมานตน เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.925/2558   สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 จำเลยที่ 3  (ยศพันตำรวจโท) ได้ยื่นคำร้องโต้แย้งเรื่องเขตอำนาจศาลว่า คดีนี้จะอยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ มิใช่ศาลจังหวัดปราจีนบุรี  เป็นเหตุให้ศาลจังหวัดปราจีนบุรีต้องส่งเรื่องดังกล่าวไปยังประธานศาลอุทธรณ์เพื่อวินิจฉัยเรื่องเขตอำนาจศาล และได้กำหนดนัดฟังคำวินิจฉัยประธานศาลอุทธรณ์ ในวันที่ 4 เมษายน 2561

ต่อมาเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดปราจีนบุรีออกนั่งพิจารณานัดฟังคำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ ปรากฎว่าประธานศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยว่า คดีดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ แต่อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลจังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากนายฤทธิรงค์ฯ โจทก์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรีเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2558 ศาลมีคำสั่งประทับฟ้องเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2559 ภายหลังจากไต่สวนมูลฟ้องแล้ว แม้ว่าคำสั่งประทับฟ้องจะเกิดขึ้นภายหลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเปิดทำการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2560 ก็ตาม แต่เป็นกรณีที่มีการฟ้องคดีและค้างพิจารณาอยู่ในสารบบของศาลจังหวัดปราจีนบุรีก่อนที่จะมีการจัดตั้งและเปิดทำการของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบด้วยเหตุนี้คดีนี้จึงไม่อยู่ในอำนาจศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ศาลจังหวัดปราจีนบุรีจึงมีอำนาจพิจารณาและดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป

ภายหลังศาลจังหวัดปราจีนบุรีอ่านคำวินิจฉัยให้คู่ความฟังจนแล้วเสร็จ ศาลได้กำหนดนัดสืบพยานโจทก์ จำเลย โดยฝ่ายโจทก์แถลงประสงค์จะสืบพยานจำนวน 10 ปาก  ฝ่ายจำเลยที่ 3 และที่ 4 ประสงค์จะสืบพยานจำนวน 12 ปาก ศาลจึงกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 3-4 กรกฎาคม และวันที่ 28-29 สิงหาคม 2561 และ นัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 29-31 สิงหาคม 2561

นอกจากคดีดังกล่าวข้างต้นแล้ว นายฤทธิรงค์ฯ และบิดา ยังได้ดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่เป็นพยานเท็จเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซ้อมทรมานนายฤทธิรงค์ อีกจำนวน 4 คดี ได้แก่

  1. คดีที่นายฤทธิรงค์กับบิดา เป็นโจทก์ฟ้องพยานเท็จคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.1942/2560 ปรากฎว่าภายหลังไต่สวนมูลฟ้อง ศาลจังหวัดปราจีนบุรีได้มีคำสั่งว่าคดีไม่มีมูลและไม่ประทับฟ้องต่อมาโจทก์อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 2  และในวันที่ 4 เมษายน 2561 ศาลจังหวัดปราจีนบุรีได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2  โดยศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น(ศาลจังหวัดปราจีนบุรี) ว่าคดีมีมูลและให้ประทับฟ้อง ศาลจังหวัดปราจีนบุรีจึงได้กำหนดนัดสอบคำให้การจำเลย ในวันที่ 4 มิถุนายน 2561 
  2.  อีก 3 คดี คือคดีที่นายฤทธิรงค์ฯกับบิดา ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อเอาผิดกับบุคคลที่เป็นพยานเท็จอีกจำนวน 3 คน โดยร้องทุกข์กล่าวโทษเมื่อวันที่9มิถุนายน 2560 ณ สถานีตำรวจคนละท้องที่ กล่าวคือ พยานเท็จคนหนึ่งที่นายฤทธิรงค์ฯ ร้องทุกข์ ณ สถานีตำรวจภูธรระเบาะไผ่ ต.หนองโพรง อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี  พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง และส่งสำนวนคดีให้พนักงานอัยการจังหวัดปราจีนบุรี ต่อมาพนักงานอัยการฯได้ยื่นฟ้องพยานเท็จคนดังกล่าวต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.2106/2560 ซึ่งศาลจังหวัดปราจีนบุรีได้กำหนดนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 24-25 เมษายน 2561

ส่วนพยานเท็จอีก 2 คน นายฤทธิรงค์ กับบิดา ได้แจ้งความร้องทุกข์ พยานเท็จคนหนึ่ง ณ สถานีตำรวจภูธรเมืองปราจีนบุรี และอีกคนหนี่ง ณ สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ  ซึ่งทั้งสองคดีอยู่ในระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน

ขอเชิญผู้ที่สนใจหรือสื่อมวลชนเข้าร่วมการพิจารณาคดีดังกล่าวของศาลจังหวัดปราจีนบุรี  ได้ตามวัน เวลาข้างต้น และสามารถติดตามเรื่องราวของคดีได้ที่ https://crcfthailand.org/ ?s=ฤทธิรงค์