[:th]
เผยแพรวันที่ 19 มีนาคม 2561
ใบแจ้งข่าว
คดีสามเยาวชนถูกซ้อมทรมานให้รับสารภาพ
และตกเป็นจำเลยคดีปล้นทรัพย์นักท่องเที่ยวต่างชาติ
ศาลจังหวัดหัวหินนัดสืบพยานจำเลย ในวันที่ 13-15 มีนาคม 61
จากกรณี นายณัฐวัตร หรือเจมส์ ธนัฏฐิกาญจนา จำเลยที่ 1 และนายอดิศักดิ์ หรือเจมส์ สีละมุด จำเลยที่2 อ้างว่าระหว่างที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถูกทำร้ายร่างกายเพื่อให้สารภาพว่าตนกับพวกเป็นผู้กระทำผิดข้อหาปล้นทรัพย์ คดีดังกล่าวเป็นคดีที่ท่องเที่ยวต่างชาติชาวอิตาลี และชาวโมรอคโค ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.สามร้อยยอด ว่าทั้งสองได้ถูกคนร้ายซึ่งใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะ ร่วมกันทำร้ายร่างกายแล้วปล้นทรัพย์ ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2559 ณ บริเวณริมถนนปราณบุรี-สามร้อยยอด หมู่ที่ 1 ตำบลสามร้อยยอด อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ในวันที่ 13-15 มีนาคม 61 ศาลจังหวัดหัวหินออกนั่งพิจารณาคดีหมายเลขคดีดำที่ ทอ.2/2560 ในวันสืบพยานจำเลยดังกล่าวได้มีการสืบพยานโจทก์ต่อ 1 ปาก หลังจากสืบพยานโจทก์ไปแล้วเมื่อวันที่ 20-23 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสอบสวน โดยฝ่ายโจทก์ได้นำบันทึกวิดีโอซึ่งบันทึกคำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาลด้วย โดยทนายความจำเลยทั้งสามประสงค์นำพยานจำเลยเบิกความต่อศาลทั้งหมด 17 ปาก ได้แก่ จำเลยทั้ง 3 คน ประจักษ์พยานในวันเกิดเหตุเพื่อยืนยันสถานที่อยู่ของจำเลยทั้ง 3 คน และผู้ใหญ่บ้านที่ให้การช่วยเหลือชาวต่างชาติที่ถูกทำร้ายร่างกาย เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลังฐานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนี้ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ เบิกความถึงการพิจารณาให้การช่วยเหลือช่วยเหลือคดีแม้การซ้อมทรมานที่ไม่มีบาดแผลปรากฏให้เห็น
“ผู้ต้องหาที่ถูกซ้อมทรมานบังคับให้สารภาพส่วนใหญ่ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ สภาพความเป็นจริงคือผู้ต้องหาไม่สามารถได้รับการตรวจรักษาร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเป็นอิสระ การซ้อมทำร้ายร่างกายบริเวณช่องท้องหน้าอกไม่อาจมองเห็นร่องรอยได้ด้วยตาเปล่า การใช้ถุงพลาสติกทำให้ขาดอากาศหายใจไม่มีพยานหลักฐาน การรับฟังคำสารภาพของจำเลยในคดีอาญาจึงต้องทำความระมัดระวังอย่างยิ่ง หลักการด้านสิทธิมนุษยชนหลักฐานที่ได้จากการบังคับให้ถ่ายวีดีโอรับสารภาพนั้นห้ามไม่ให้มีการรับฟัง” พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรมกล่าวเพิ่มเติม
สำหรับวันนัดสืบพยานสามวันนั้นสามารถเบิกความพยานจำเลย เบิกความได้เพียง 6 ปากเท่านั้น เนื่องจากการยืนยันที่อยู่ของจำเลยทั้งสาม การลำดับเหตุการณ์จึงต้องใช้เวลาสืบพยานจำเลยเป็นเวลานานและประจักษ์พยานเป็นจำนวนมาก ทนายความจำเลยจึงแถลงต่อศาล ว่ายังเหลือประจักษ์พยานที่สำคัญอีก 3 ปากจึงขอให้ศาลมีคำสั่งเลื่อนนัดสืบพยานจำเลยในนัดถัดไป ด้วยเหตุดังกล่าว ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานทั้ง 3 ปากเป็นประจักษ์พยานคนสำคัญในคดีจึงเห็นสมควรให้เลื่อนคดี จึงมีคำสั่งเลื่อนนัดสืบพยานจำเลยไปอีกสักนัด ในวันที่ 5 – 6 กรกฎาคม 2561 เวลา 09.00น.
ทั้งนี้ ขอเชิญสื่อมวลชนและผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังการพิจารณาคดีได้ตามวันเวลาดังกล่าว หรือ ติดตามเรื่องราวที่ผ่านมาได้ที่ https://crcfthailand.org/?s=สามร้อยยอด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
คุณจันทร์จิรา จันทร์แผ้ว (ทนายความ) 0657415395
คุณสุริยงค์ คงกระพันธุ์ (ทนายความ) 0873255877
[:]