(คําแปลแถลงการณ์อย่างไม่เป็นทางการ)
ประเทศไทย: ยุติการร้องทุกข์ในข้อหาหมิ่นประมาททางอาญาแก่ผู้เสียหายจากการทรมานโดยทันที
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
กรุงเทพ ประเทศไทย — ICJ กล่าวไว้ในวันนี้ว่าประเทศไทยควรที่จะยุติการใช้กฎหมายหมิ่น ประมาททางอาญาและทางแพ่งในทางที่เป็นการคุกคามต่อผู้เสียหาย นักสิทธิมนุษยชน และนักข่าว เพียง เพราะบุคคลเหล่านี้ได้หยิบยกข้อกล่าวหาว่ามีการทรมานหรือการประติบัติที่ทารุณอื่นๆ ขึ้น ขึ้นมา
เมื่อวานนี้มีรายงานว่า พล.ท. ปิยวัฒน์ นาควานิช ผู้อํานวยการ กองอํานวยการรักษาความมั่นคง ภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ได้มอบหมายให้ พ.ท. เศรษฐสิทธิ์ แก้วคูณเมืองเข้าแจ้ง ความร้องทุกข์ต่อนายอิสมาแอ เต๊ะ ผู้ก่อตั้งองค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี (Hap) ในข้อหาหมิ่น ประมาท ทั้งนี้ กอ.รมน. นั้นมีหน้าที่หลักในการรับผิดชอบดูแลความมั่นคงในบริเวณพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
“เป็นที่น่าแปลกใจอย่างยิ่งที่หลังจากรัฐบาลไทยได้เน้นย้ําถึงความมุ่งมั่นที่จะดําเนินการกับกรณีที่ มีการกล่าวหาว่ามีการทรมาน รวมถึงการปกป้องผู้ที่ตกเป็นเหยื่อและนักสิทธิมนุษยชน กอ.รมน. กลับใช้ กระบวนการยุติธรรมในทางที่ไม่ถูกไม่ควรนักเพื่อใช้กฎหมายคุกคามผู้ที่กล่าวอ้างว่าเป็นเหยื่อการทรมาน” นายคิงส์ลีย์ แอ๊บบอต ที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศอาวุโสประจําภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ICJ กล่าว “ประเทศไทยต้องยุติการร้องทุกข์ดําเนินคดีหมิ่นประมาทต่อนายอิสมาแอ เต๊ะ และประกันว่าจะมี การสืบสวนสอบสวนกรณีที่มีการกล่าวหาว่ามีการทรมานหรือการประติบัติที่ทารุณอื่นๆอย่างทันท่วงที ตามมาตรฐานและกฎหมายระหว่างประเทศ”
ข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้นมีความเกี่ยวโยงกับรายการ “นโยบาย by ประชาชน” ซึ่งออกอากาศทาง สถานีโทรทัศน์ช่อง ไทย พีบีเอส เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 โดยอิสมาแอ เต๊ะได้อธิบายในรายการ ดังกล่าวว่าตนได้ถูกกระทําการทรมานและการได้รับการประติบัติที่ทารุณอื่นๆ โดยทหารไทยเมื่อตอนที่ตนยังเป็นเพียงแค่นักศึกษาในจังหวัดยะลา ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
สําหรับข้อหาหมิ่นประมาททางอาญาในประเทศไทยนั้น หากถูกตัดสินว่ามีความผิดจะต้องถูกระวางโทษจําคุกไม่เกิน 2 ปีและปรับไม่เกิน 200,000 บาท
“การกําหนดบทลงโทษที่รุนแรง เช่นการจําคุก และการปรับเป็นจํานวนเงินที่สูงตามกฎหมาย เหล่านี้ส่งผลให้เหยื่อของการทรมานและการประติบัติที่ทารุณอื่นๆ ไม่กล้าที่จะก้าวออกมาเพื่อรับการชดเชยและการเยียวยาทั้งๆที่สิ่งเหล่านี้เป็นสิทธิของพวกเขาตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศซึ่งผูกพันประเทศไทย”
การร้องทุกข์ดําเนินคดีในครั้งนี้เกิดขึ้นทั้งๆที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคําพิพากษา ณ วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2560 ให้กองทัพบกและกระทรวงกลาโหมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายแก่อิสมาแอ เต๊ะเป็นจํานวนเงิน 305,000 บาท หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดพบว่าอิสมาแอ เต๊ะ “ถูกทําร้ายร่างกาย” ใน ระหว่างถูกควบคุมตัวและถูกควบคุมตัวโดยมิชอบด้วยกฎหมายเป็นระยะเวลา 9 วัน เกินกว่าที่กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 ให้อํานาจไว้เพียง 7 วัน
“และที่น่าแปลกใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือการที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคําพิพากษาออกมาแล้วว่า อิสมา แอ เต๊ะ นั้นได้ถูกทําร้ายร่างกายโดยทหารและได้มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายแก่เขาเป็นที่ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งยิ่งทําให้การร้องทุกข์ในครั้งนี้เป็นไปอย่างไม่ยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง” นายแอ๊บบอต กล่าวเสริม
เมื่อปี พ.ศ. 2551 นายอิสมาแอ เต๊ะ ได้ถูกจับกุมตามอํานาจกฎอัยการศึกและมีการกล่าวหาว่าอิสมา แอ เต๊ะ ถูกซ้อมทรมานเพื่อที่จะบังคับให้สารภาพในคดีที่เกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคง แต่ ณ ปัจจุบัน ยังไม่มี ผู้ใดถูก าเนินคดีจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น
คดีอื่นๆ ที่มีลักษณะเป็นการคุกคามผ่านกลไกของกฎหมายเช่นกันในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
คดีนี้เป็นตัวอย่างล่าสุดของการใช้กฎหมายโดยเจ้าหน้าที่ในทางที่ไม่ถูกต้องนัก ซึ่งรวมถึงการใช้ กฎหมายเกี่ยวกับการหมิ่นประมาททางอาญาและพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เพื่อที่จะปิดปากเหยื่อ นักสิทธิมนุษยชน และสื่อในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตํารวจให้ดําเนินคดี หมิ่นประมาทกับเว็บไซต์ “Manager Online” ซึ่งลงบทความที่มีเนื้อหาในลักษณะที่มีการกล่าวหาว่ามีการ ทรมานและการประติบัติที่ทารุณอื่นๆต่อผู้ต้องสงสัยในค่ายทหารสองแห่ง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ เรียกร้องให้สํานักข่าวชดเชยค่าเสียหายเป็นจํานวนเงิน 10 ล้านบาทจากการรายงานบทความดังกล่าว
ผู้อํานวยการ กอ.รมน. ภาค 4 ได้มอบหมายให้ พ.อ. หาญพล เพชรม่วง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 43 ดําเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษทางอาญาตามมาตรา 328 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และมาตราที่ 14 (2) แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ต่อบรรณาธิการของ บทความดังกล่าวของ Manager Online ซึ่งเผยแพร่บทความ “แฉ! อดีตผู้ต้องสงสัยเผยถูกซ้อมทรมาน เหมือนตายระหว่างถูกคุมตัวในค่ายทหาร” เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
เมื่อปี พ.ศ. 2554 พนักงานตํารวจก็ได้เข้าร้องทุกข์ให้มีการดําเนินคดีอาญาต่ออนุพงศ์ พันธชยางกูร อดีตกํานัน อําเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาสทารุณ ฐานแจ้งความเท็จว่าตนถูกทรมานและถูกประติบัติอย่างโดยตํารวจทีมที่มาสืบสวนสอบสวน
กรณีที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นการ “แจ้งความเท็จ” คือกรณีที่อนุพงศ์ พันธชยางกูร อ้างว่าตนได้ถูก ทรมานเพื่อให้รับสารภาพว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีปล้นอาวุธเมื่อปี พ.ศ. 2547 ที่ค่ายทหารนราธิวาสราช นครินทร์ และการฆาตกรรมเจ้าหน้าที่ตํารวจและบุคคลอื่นอีก 3 คน
อนุพงศ์ พันธชยางกูร จึงได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตํารวจ 20 นายซึ่งอยู่ในทีมสืบสวน หลังจากที่คดีของเขาถูกยกฟ้องในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
เมื่อวันนี้ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 ศาลฎีกายืนตามคําพิพากษาของศาลอุทธรณ์และได้พิพากษา ให้อนุพงศ์ พันธชยางกูร ต้องโทษจําคุกเป็นเวลา 1 ปี
ในวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2560 นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ หลานสาวของพลทหารวิเชียร เผือกสม ซึ่ง มีการกล่าวหาว่าเสียชีวิตเนื่องจากถูกทรมานระหว่างการฝึกทหารในปีพ.ศ. 2554 ในจังหวัดนราธิวาส ก็ได้ ถูกดําเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาททางอาญา และความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวนั้นถูกริเริ่มดําเนินคดีโดยนายทหารรายหนึ่งที่กล่าวหาว่านริศราวัลถ์ได้กล่าวโทษว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้าของเธอ ซึ่งเกี่ยวเนื่องมาจากการที่ครอบครัวได้พยายาม แสวงหาความยุติธรรมจากการเสียชีวิตดังกล่าว คดีของนริศราวัลถ์นั้นยังรอคงรอความเห็นว่าควรสั่งฟ้อง หรือไม่สั่งฟ้องจากอัยการสูงสุด
ในวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 หลังจากกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ดําเนินการร้องทุกข์ กล่าวโทษต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้งสาม ได้แก่ พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ สมชาย หอมลออ และอัญชนา ทีมมิหน๊ะ ทั้งสามได้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในข้อหาหมิ่นประมาททางอาญา และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ อันสืบเนื่องมาจากการตีพิมพ์รายงานที่ รวบรวมกรณีที่มีการกล่าวหาว่ามีการทรมานและการประติบัติที่ทารุณอื่น ๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดย เจ้าหน้าที่ของไทยจํานวน 54 คดีตั้งแต่ พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2560 กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ได้แถลงความประสงค์ที่จะถอนการแจ้ง ความการดําเนินคดีดังกล่าว และในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2560 อัยการจังหวัดปัตตานีได้มีคําสั่งยุติการ ดําเนินคดีต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้งสาม
ก่อนหน้านี้ ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 กองทัพไทยก็ได้ยื่นคําร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดําเนิน คดีอาญากับพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ และมูลนิธิผสานวัฒนธรรม องค์กรของเธอ เพราะทําให้หน่วยทหาร พรานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ “เสื่อมเสียชื่อเสียง” เนื่องจากพรเพ็ญได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลไทยเรียกร้องให้มีการสืบสวนสอบสวนกรณีที่มีการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ทหารทําร้ายร่างกายชายผู้ หนึ่งระหว่างการจับกุมตัว ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2558 พรเพ็ญและองค์กรของเธอได้รับแจ้งจากตํารวจว่า อัยการมีคําสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าว
ความเป็นมา
ประเทศไทยเป็นภาคีของกติกาสากลว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (Covenant on Civil and Political Rights หรือ ICCPR) และอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการกระทําอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ํายีศักดิ์ศรี (Convention against Torture and other)
ทั้งนี้ สิทธิที่จะเข้าถึงกระบวนการเยียวยาจากการถูกทรมานและการประติบัติที่ทารุณอื่นๆ ที่มี ประสิทธิภาพ รวมถึงการที่เรื่องร้องเรียนจักได้รับการสวบสวนอย่างรวดเร็ว โดยครบถ้วน และเป็นกลาง ล้วนแต่ได้รับการประกันไว้โดย ICCPR และ CAT
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 ระหว่างการพิจารณาการปฏิบัติตามพันธกรณีของไทยตามมาตรา 19 ของ CAT ตามวาระครั้งที่ 1 คณะกรรมการต่อต้านการทรมานแห่งสหประชาชาติ (United Nations Committee Against Torture หรือ คณะกรรมการต่อต้านการทรมาน) ได้แสดงความกังวลถึง “การตอบโต้ อย่างรุนแรงและการข่มขู่นักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักข่าว ผู้นําชุมชน และญาติของพวกเขา” และเรียกร้อง ให้ประเทศไทยใช้มาตรการต่างๆเพื่อยุติ “การกดดัน การคุกคาม และการโจมตี” ดังกล่าว และจัดให้มี “การ เยียวยาที่มีประสิทธิภาพต่อเหยื่อและครอบครัวของพวกเขา”
คณะกรรมการต่อต้านการทรมานยังได้เสนอแนะว่าประเทศไทย “ควรจะใช้มาตรการที่จําเป็น ต่างๆ ในการ (ก) หยุดการคุกคามและโจมตีนักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักข่าว และผู้นําชุมชน และ (ข) ดําเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างเป็นระบบเมื่อมีการรายงานว่ามีการข่มขู่ คุกคาม และการโจมตี เพื่อที่จะนําตัวผู้กระทําผิดมาลงโทษ และประกันว่าจะมีการเยียวยาที่มีประสิทธิภาพแก่เหยื่อและครอบครัวของพวกเขา”
ในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2561 ICJ และศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (Thai Lawyers for Human Rights หรือ TLHR) ได้ยื่นข้อเสนอแนะร่วมต่อคณะกรรมการต่อต้านการทรมาน โดยข้อเสนอแนะ ดังกล่าวได้แนะคําถามแก่คณะกรรมการต่อต้านการทรมานเพื่อสอบถามรัฐบาลไทยในการพิจารณาการ ปฏิบัติตามพันธกรณีของไทยตามวาระครั้งที่ 2 ที่กําลังจะถึงนี้ โดยได้รวมความกังวลเกี่ยวกับการข่มขู่หรือ การตอบโต้ต่อบุคคลที่รายงานกรณีที่มีการกล่าวหาว่ามีการทรมาน การประติบัติโหดร้าย และการบังคับสูญหาย ไว้ในข้อเสนอแนะด้วย
หนึ่งในความท้าทายในการนําตัวผู้กระทําผิดในกรณีการทรมานและการประติบัติที่ทารุณอื่นๆ มา ลงโทษในประเทศไทยคือการที่อาชญากรรมเหล่านี้ยังไม่ถูกบัญญัติให้เป็นความผิดตามกฎหมายภายใน
ทั้งนี้ มีรายงานว่าร่าง พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย ซึ่งถูกร่างโดยกระทรวงยุติธรรม โดยมีการปรึกษาหารือกับองค์กรเอกชนอื่นๆรวมถึง ICU ถูกส่งกลับไปยัง คณะรัฐมนตรีของไทย “เพื่อรับฟังความเห็นจากฝ่ายต่าง ๆ … ทั้งจากมหาดไทย ตํารวจ ฝ่ายความมั่นคง ทหาร อัยการ”
อนึ่ง เนื่องจากไม่มีช่วงเวลาระบุไว้และไม่มีเงื่อนเวลากําหนดไว้สําหรับการพิจารณาร่างพ.ร.บ. ดังกล่าวของคณะรัฐมนตรี ก้าวย่างดังกล่าวของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ส.น.ช.) จึงมีผลทําให้การออก กฎหมายดังกล่าวล่าช้าไปโดยไม่มีกําหนด
ในวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 ICJ และ และแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล (Amnesty International) ได้จัดทําข้อเสนอแนะเพื่อการแก้ไขร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการ กระทําให้บุคคลสูญหายแก่กระทรวงยุติธรรม ทั้งนี้ เพื่อให้ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวมีความสอดคล้องกับ พันธกรณีของไทยตามกฎหมายระหว่างประเทศยิ่งขึ้น
แถลงการณ์อื่นๆ
Thailand: ICJ welcomes decision to end proceedings against human rights defenders who raised allegations of torture
Thailand: ICJ welcomes dropping of complaints against human rights defenders but calls for investigation into torture
Thailand: stop use of defamation charges against human rights defenders seeking accountability for torture
Thailand: immediately withdraw criminal complaints against human rights defenders
แถลงการณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับร่าง พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย
UN Committee against Torture: ICJ and TLHR’s joint submission on Thailand
Thailand: ICJ, Amnesty advise changes to proposed legislation on torture and enforced disappearances
Thailand: ICJ commemorates international day in support of victims of enforced disappearances
Thailand: pass legislation criminalizing enforced disappearance, torture without further delay
ข้อมูลเพิ่มเติม
นายคิงสลี่ย์ แอ๊บบอต (Kingsley Abbott) ที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศอาวุโส ICJ โทรศัพท์: +66 94 470 1345 อีเมล์: kingsley.abbott@icj.org
International Commission of Jurist
ICJ statement in Eng https://www.icj.org/thailand-immediately-stop-criminal-defamation-complaint-against-torture-victim/
ICJ statement in Thai https://www.icj.org/wp-content/uploads/2018/02/Thailand-Isma-ae-Tae-defamation-case-News-Press-releases-2018-THA.pdf
Human Rights Watch
– HRW Statement in Eng https://www.hrw.org/news/2018/02/15/thailand-drop-cases-against-torture-victim
– HRW statement in Thai https://www.hrw.org/th/news/2018/02/14/315151
The Nation editorial
http://www.nationmultimedia.com/detail/opinion/30339116