เราไปเยี่ยมแม่ภาพที่เรือนจำภูเขียว แม่ภาพยิ้มแย้มแจ่มใส และดีใจที่มีคนไปเยี่ยม และเล่าเรื่องราวต่างๆให้เราฟัง ว่ามีใครมาเยี่ยมบ้าง ในหนึ่งวันทำกิจกรรมอะไรบ้าง และแอบบ่นเล็กๆว่า “กับเข่าบ่เเซบ แต่กะกินได้ยุ แต่ใจแม่ก็ไปอยู่เฮือนแล้ว คิดฮอดเฮือน คิดฮอดหมา”
ผู้หญิงสูงอายุตัวเล็กๆ อายุ 63 ปี ที่ยังต้องถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง แต่พยายามบอกเราที่ไปเยี่ยมว่า “แม่บ่เป็นหยัง” และเล่าให้ฟังว่าห้องขังมีกัน 35 คน กับพัดลม 3 ตัว ห้องไม่ค่อยร้อน นอนได้ไม่แออัดเท่าไหร่ แม่บอกว่าทางเรือนจำสนับสนุนให้ออกกำลังกายและนั่งสมาธิ แม่ว่าดี ทำให้ใจสงบขึ้น เราบอกแม่ภาพว่าหนูก็ควรจะนั่งสมาธิช่วงนี้ใจคุ้มคลั่ง แม่ภาพหัวเราะ
โดยธรรมชาติของคนเรา การไม่รู้จุดเริ่มต้นมันไม่เป็นไรถ้าเราจุดสิ้นสุด การรู้จุดสิ้นสุดมันทำให้ใจเราสงบในระดับหนึ่ง และการรอคอยที่ไม่รู้จุดจบมันทรมาน เหมือนแม่ภาพที่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะถูกปล่อยตัวก็ยังพอรอได้ไม่ทรมานเท่าไหร่ แต่หลุมดำของความหวังของแม่ภาพคือการรอที่จะให้พ่อเด่นกลับมา รอมาปีกว่าแล้วและยังรออยู่
ทุกคนที่รู้จักพ่อเด่นพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สำหรับคนที่รักบ้าน รักครอบครัว และรักพี่น้องที่ร่วมต่อสู้กันมาอย่างพ่อเด่น หากมีชีวิตอยู่ ต้องกลับมาแล้ว แต่หลังจากหนึ่งปีที่ไม่มีข่าวคราวที่ชัดเจนอะไรเลย มันทำให้คนรอเริ่มทำใจ โดยเฉพาะเเม่สุภาพ
วันนี้เป็นวันลอยกระทง ยืนมองพระจันทร์เต็มดวง แต่แม่ภาพต้องนอนตั้งแต่ 6 โมงเย็น มีหมอนหนึ่งใบ ผ้าสามผืน ผืนหนึ่งใช้รองนอน อีกสองผืนใช้ห่ม คงไม่ได้เห็นพระจันทร์เหมือนเรา
ประเทศเราไม่ได้ไร้ทรัพยากรธรรมชาติ ที่ดินในประเทศไทย 90 เปอร์เซ็นต์เป็นของคนแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ และมีครอบครัวหนึ่งมีที่ดิน 630,000 ไร่ ในขณะที่คนจนยังไม่มีที่ดินก็ยังมีอยู่มาก และรัฐก็ละเลยเขาไม่ช่วยเหลือ หรือการช่วยเหลือก็ช้าไม่ทันการ ชาวบ้านเขาจึงต้องพยามหาที่ดินทำกินเพื่อเลี้ยงดูตัวเอง แต่กลับต้องตกเป็นผู้ต้องหา ถูกดำเนินคดีเป็นจำเลยและติดคุก หวังว่ารัฐเราจะมีวิสัยทัศย์และช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ แทนการช่วยอำนวยความสะดวกให้นายทุน ได้โดยเร็ว
ก่อนกลับบ้าน เราไหว้ลา แม่ภาพบอกว่า แม่จะอยู่นี่อีกแค่อีก 3 เดือน 3 วัน และบอกว่าเจอกันข้างนอก (ณ วันที่ 1 พ.ย. 2560)