[:th]เผยแพร่วันที่ 24 กรกฎาคม 2560
ใบแจ้งข่าว
ศาลจังหวัดฝาง อ่านคำพิพากษา ยกฟ้องชาวบ้าน คดีบุกรุกป่าสงวนฯ
กรณีชาวบ้านสร้างโฮมสเตย์ตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐ
ที่บ้านขอบด้ง ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
ทนายความศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่นที่ให้ความช่วยเหลือคดีได้ให้ข้อมูลว่าศาลจังหวัดฝางมีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์(จำเลยทั้งสองไม่มีความผิด) ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ สว. 8,9/2559 ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดฝาง โจทก์ กับ นายสุริยา เกิดโอฬาร จำเลยที่ 1 และนายอาจหาญ จตุพรไพร จำเลยที่ 2 ในฐานความผิด บุกรุก ก่นสร้าง แผ้วถาง เผาป่าหรือทำลายด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือยึดถือครอบครองป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวน
เมื่อวันที่ 26 ถึง 28 เมษายน 2560 และวันที่ 2 ถึง 3 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดฝางได้ทำการพิจารณาสืบพยานโจทก์และจำเลย ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ สว. 8,9/2559 เสร็จสิ้นแล้ว และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 20 กรกฎาคม 2560 ศาลจังหวัดฝางมีคำพิพากษาในข้อหาบุกรุกป่าสงวนฯ โดยให้เหตุผลว่า พื้นที่เกิดเหตุ สถานีเกษตรหลวงอ่างขางได้ขอใช้พื้นที่กับกรมป่าไม้เพื่อใช้ดำเนินกิจกรรมของโครงการหลวงก่อนแล้ว ทำให้พื้นที่เกิดเหตุไม่หลงเหลือสภาพความเป็นป่าแล้ว จำเลยทั้งสองจึงไม่อาจทำลายหรือทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพความเป็นป่าสงวนได้อีก ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 พิพากษายกฟ้องโจทก์ จำเลยทั้งสองไม่มีความผิด
จำเลยทั้งสองในคดีนี้เป็นชาวบ้าน บ้านขอบด้ง ตำบลม่อนปิ่น อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องมาจากคำสั่ง คสช. ที่ 64/2557 ตามนโยบายทวงคืนผืนป่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างระยะเวลาอุทธรณ์คำพิพากษาซึ่งจะครบในวันที่ 20 สิงหาคม 2560
ความเป็นมาของคดีสืบค้นได้ที่ https://crcfthailand.org/2016/07/11/ศาลจังหวัดฝาง-นัดพิจารณ/
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
นายสุทธิเกียรติ ธรรมดุล ทนายความ ศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น 053-230072, 083-6284239
นายปรีดา นาคผิว ทนายความ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม 089-6222474[:]