ใบแจ้งข่าว
เผยแพร่วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
พนักงานสอบสวนกำหนดวันส่งตัวสามนักสิทธิมนุษยชน
ผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาท กอ.รมน. ๔ ให้พนักงานอัยการ
ตามที่ นายสมชาย หอมลออ ที่ปรึกษาและอดีตประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรมนางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ
ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ และนางสาวอัญชนา หีมมิหม๊ะ หัวหน้ากลุ่มด้วยใจ ตกเป็นต้องหาในคดี กอ.รมน.ภาค ๔ แจ้งความร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี ดำเนินคดีอาญาในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ โดยกล่าวหาว่านักสิทธิมนุษยชนทั้งสามร่วมกันจัดทำและเผยแพร“รายงานสถานการณ์การทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรีฯ ในจังหวัดชายแดนใต้ ปี ๒๕๕๗-๒๕๕๘” และนำรายงานกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้กองอำนวยการรักษาความคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) ได้รับความเสียหาย นั้น
เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ นายอับดุลกอฮาร์ อาแวปูเตะ ประธานมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานี ทนายความของผู้ต้องหาทั้งสาม ได้รับหนังสือจากพันตำรวจเอกสาธิต กาญจนาภูวดล ผู้กำกับการ สภ.เมืองปัตตานีว่า ตามที่ทนายความได้ขอให้พนักงานสอบสวนสอบพยานฝ่ายผู้ต้องหาเพิ่มเติมนั้น ได้ปรึกษากับผู้บังคับบัญชาแล้วไม่สามารถอนุญาตได้ และขอให้ทนายความนำผู้ต้องหาทั้งสามคนเข้าพบ เพื่อส่งตัวให้พนักงานอัยการ ในวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
อย่างไรก็ตามเนื่องจากวันและเวลาดังกล่าว ผู้ต้องหาทั้งสามติดภาระกิจ ในที่สุดทนายความและพนักงานสอบสวนจึงกำหนดวันนำผู้ต้องหาทั้งสามเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ปัตตานี เพื่อส่งตัวให้พนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี ในวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ เวลา ๑๓.๐๐ นาฬิกา
ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติม
นายอับดุลกอฮาร์ อาแวปูเตะ ทนายความผู้ต้องหาทั้งสาม โทร ๐๘๑ ๘๙๘๗๔๐๘
นายปรีดา นาคผิว ทนายความมูลนิธิผสานวัฒนธรรม โทร ๐๙๘ ๖๖๒๒๔๗๔
ลำดับเหตุการณ์คดีสามนักสิทธิ
วันที่ ๑o กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ภาคประชาสังคม ออกรายงานสถานการณ์การทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรีในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ณ วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต
เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จึงมอบอำนาจให้กองอำนาจการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วน ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายสมชาย หอมลออ, น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ, นางสาวอัญชนา หีมมิน๊ะห์ ในข้อหา “ในความผิดฐาน ร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕o”
เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคที่ ๔ ส่วนหน้า โดย พันโทเศรษฐสิทธิ์ แก้วคูเมือง ได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี ให้ดำเนินการกับ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และนักสิทธิมนุษยชนทั้งสาม ในความผิดฐาน “ร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕o”
เมื่อวันที่ ๑๓-๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๙ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี ได้ส่งหมายเรียกถึงนักสิทธิมนุษยชนทั้งสามตามถิ่นที่อยู่ ขอให้ไปแสดงตนต่อพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาทางอาญา
เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙ พันตำรวจโท วิญญู เทียมราช รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองปัตตานี พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้นักสิทธิมนุษยชนทั้งสามทราบ ในความผิดฐาน “ร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕o” นักสิทธิมนุษยชนทั้งสามให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและขอให้การเพิ่มเติมในภายหลัง
เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ นักสิทธิมนุษยชนทั้งสามเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้การเพิ่มเติมในประเด็นที่ได้ให้การปฏิเสธไว้แล้ว และขอให้พนักงานสอบสวนสอบพยานฝ่ายตนเพิ่มเติมจำนวนหนึ่งโดยได้ยื่นหนังสือไว้ พนักงานสอบสวนอนุญาต
เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๙ ทนายความของนักสิทธิมนุษยชนทั้งสามได้พาพยานจำนวน ๓ คน เข้าให้การกับพนักงานสอบสวน และ เนื่องจากมีพยานอื่นอีกหลายคนที่ได้ขอให้พนักงานสอบสวนสอบเพิ่มจึงได้ขอให้พนักงานสอบสวนสอบพยานฝ่ายผู้ต้องหาเเพิ่ม พนักงานสอบสวนอนุญาตด้วยวาจา
เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ทนายความของสามนักสิทธิมนุษยชนทั้งสาม ได้รับหนังสือจาก พันตำรวจเอกสาธิต กาญจนาภูวดล ผู้กำกับการ สภ.เมืองปัตตานีว่า ตามที่ทนายความได้ขอให้พนักงานสอบสวนสอบพยานเพิ่มเติมนั้น ได้ปรึกษากับผู้บังคับบัญชาแล้วไม่สามารถอนุญาตได้ขอให้ทนายความนำนักสิทธิมนุษยชนทั้งสามเข้าพบเพื่อส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ ในวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ แต่ในวันดังกล่าวผู้ต้องหาติดภาระกิจ
ทนายความและพนักงานสอบสวนจึงกำหนดวันเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ปัตตานี เพื่อส่งตัวสามนักสิทธิให้พนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี ในวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ เวลา ๑๓.๐๐ นาฬิกา