[:th]CrCF Logo[:]
มูฮัมหมัด อัณวัร หะยีเต๊ะ

“ผมถ่ายภาพนี้ไว้ ภาพอันวาร์” โดย วรพจน์ พันธุ์พงศ์

Share

ผมถ่ายภาพนี้ไว้ ภาพอันวาร์
เมื่อคราวลงไปเป็นพี่เลี้ยง แชร์ประสบการณ์ด้านการอ่านการเขียน
กับคนหนุ่มสาวในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ เมื่อราวสักห้าหกปีก่อน
อย่างที่รู้ ไม่นานผู้ชายในภาพก็ถูกจับขัง

ผมเคยเขียนความเรียงถึงเขาและคนรักของเขา –รอมือละห์
ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร IMAGE
และภายหลังรวมเล่มไว้ในหนังสือ ‘แด่บัณฑิต’ มีความบางตอนดังนี้

อันวาร์ถูกจับปี 2548 ครั้งนั้นเขาสิ้นอิสรภาพอยู่หนึ่งปีสองเดือน ก่อนจะได้ประกันตัวออกมาสู้คดี และวันที่ 1 พฤษภาคม 2556 เขาถูกสวมกุญแจมือ
ส่งเข้าแดนตะรางอีกครั้ง
เมื่อศาลฎีกาพิพากษาว่าเป็นสมาชิกกลุ่มบีอาร์เอ็น

รอมือละห์ใช้คำซ้ำๆ ที่ผมได้ยินจนชินบนแผ่นดินแห่งนี้
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของพระเจ้า
เป็นบททดสอบ เป็นภารกิจที่ต้องกระทำให้บรรลุ
“อาจเป็นบัญชาของพระเจ้า ให้มาดูแลอันวาร์ เพราะถ้าไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยติดตามเคสความรุนแรงหรือปัญหาสามจังหวัดมาก่อน เราอาจทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะยืนอยู่ได้ยังไง ทุกอย่างมันมืดมาก รวดเร็วมาก ไม่คิดเลยว่าจะผลการตัดสินจะออกมาแบบนี้”

จากห้องขัง ช่วงเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมา อันวาร์ทำงานสื่อ ‘บุหงารายานิวส์’
เคยเข้ามาอบรมการทำสื่อในเครือเนชั่น ผ่านการเข้าคอร์สอบรมการเขียน
เคยเดินทางไปอินเดีย กัมพูชา ในนามของสื่อมลายูของจังหวัดชายแดนใต้
ใช่, เขาปรากฏตัวในที่แจ้งตลอด
และไม่ปรากฏพฤติกรรมใดอันชวนให้เชื่อว่าจะหลบหนี
เขาเปิดเผย เขามั่นใจว่าอย่างไรก็ต้องหลุด
“แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ มันไม่ชัวร์หรอก” รอมือละห์บอกเล่าว่าคืนนั้นอันวาร์เผื่อใจไว้บ้างเหมือนกัน และเช้ามาก็อย่างที่รู้ คำตัดสินสั้นๆ ส่งผลให้คนรักของเธอกลับเข้าห้องขังอีกครั้งและหนนี้โทษหนักถึง 12 ปี
หนักและมืดหม่นมากๆ เพราะคำว่า ‘ฎีกา’ หมายถึงเป็นอันยุติ
ต่อรอง ต่อสู้ในทางกฎหมายไม่ได้อีก

สู้ในทางกฎหมายไม่ได้ รอมือละห์และกลุ่มเพื่อนอันวาร์ยังยืนหยัดต่อสู้ด้วยความจริง ด้วยข้อมูล ด้วยการสื่อสาร โดยเฉพาะในโซเซียลมีเดีย ทุกครั้งที่เธอไปพบสามี เธอจะนำข่าวสารจากห้องขังมาแจ้งข่าวผ่านเฟซบุ๊ก save anwar และในบทบาทของนักสื่อสารมวลชน บางครั้งเขาส่งภาพวาดและบทกวีจากโลกหลังกำแพง เพื่อบอกเล่าถึงโลกและผู้คนนอกกำแพง

“บางคนอายที่ติดคุก อายที่มีคดี หรือเป็นนักโทษ เราไม่คิดแบบนั้น เรามั่นใจในความบริสุทธิ์ของเราและจะบอกเล่าทุกสิ่งทุกอย่างต่อสังคม เปิดไปเลย เราคุยกันแล้วว่าจะเลือกการเผชิญหน้า คนอื่นยิ่งรู้ สังคมยิ่งรู้ ก็ยิ่งดี เพราะจะได้ช่วยกันตรวจสอบว่าความยุติธรรมยังมีอยู่จริงไหม เรื่องที่เกิดขึ้นไม่น่าอาย มันเกิดขึ้นจริง เกิดขึ้นแล้ว และเราต้องต่อสู้”
กฎหมายอันสูงส่งศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนแปลงได้ไหม ไม่มีใครรู้
สิ่งที่รู้ การต่อสู้ของเธออธิบายว่าความรักมีพลัง

ภาพที่ผมถ่ายอันวาร์ ภายหลังถูกส่งไปลง ‘สานแสงอรุณ’
ภาพและบทกวี ที่เซ็งบัดซบกับวิธีแก้ปัญหาของรัฐไทย
นานๆ หน ได้คุยกับรอมือละห์บ้าง
อยากให้เธอเข้มแข็งเหมือนที่เคยเข้มแข็ง
อยากได้ยินว่าคนรักของเธอยังปลอดภัย
ปีผ่านปี ปีผ่านปี

ออกจากป่า คืนสู่เมือง ผมได้รับรู้ข่าวสารว่า
อันวาร์ได้รับอิสรภาพแล้ว
ผมยินดีกับเขา และคนรักของเขา
เลี่ยนๆ กับข้อเขียนตัวเองในบางวรรค– วรรคนี้–
–การต่อสู้ของเธออธิบายว่าความรักมีพลัง–
ใครก็รู้ว่าความรักมีพลัง เรื่องนี้ไม่ต้องพูดหรอกน่า มันน่าเบื่อ
เราควรพุ่งประเด็นไปที่กระบวนการยุติธรรมมากกว่า

อันวาร์ออกมา มันน่ายินดีแน่ๆ
แต่ยังมีใครอีกกี่คน กี่คดี กี่ความป่าเถื่อน อยุติธรรม
ที่ยังไม่ถูกพูดถึง ไม่ถูกแก้ไข อย่างอารยะ ?
ปีผ่านปี ปีผ่านปี คุณอยู่อย่างไรกันบ้างไม่รู้ ในบ้านเมืองนี้
หวังว่าจะปลอดภัยและก้าวผ่านมันไปได้ครับ