ข้อเท็จจริงโดยย่อกรณีนักศึกษาถูกฟ้องคดียาเสพติด จำเลยอ้างถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม ครอบครัวขอสิทธิในการประกันตัวสู้คดีชั้นฎีกา-ทนายยื่นหลักฐานใหม่จากกล้องวงจรปิด ขัดกับคำให้การของตร.

Share

1470012_1173149629363003_589343174449192185_n

ข้อเท็จจริงโดยย่อกรณีนักศึกษาถูกฟ้องคดียาเสพติด

จำเลยอ้างถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม ครอบครัวขอสิทธิในการประกันตัวสู้คดีชั้นฎีกา-ทนายยื่นหลักฐานใหม่จากกล้องวงจรปิด ขัดกับคำให้การของตร.

คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556 นายกฤษณะ พงษ์ทอง ซึ่งในขณะที่ถูกดำเนินคดีนั้น เป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 4 คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งและอยู่ระหว่างการสอบปลายภาคเทอมสุดท้าย ก่อนจบปริญญาตรี มีประวัติจากทางมหาวิทยาลัยว่าเป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อยและเข้าร่วมกิจกรรมที่ทางมหาวิทยาลัยจัดอย่างสม่ำเสมอ โดยได้รับใบประกาศนียบัตรหลายอย่าง มีเกรดเฉลี่ยสะสม 3.03 ซึ่งหากไม่ถูกจับดำเนินคดีนี้ก็จะมีโอกาสเรียนจบตามกำหนดได้รับเกียรตินิยมด้วย

ปัจจุบัน นายกฤษณะพงษ์ทองถูกคุมขังรวมแล้วทั้งสิ้น (ณ วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2556) 3 ปี 21 วัน คือถูกสั่งขังระหว่างการพิจารณาตั้งแต่ชั้นการสอบสวนของพนักงานตำรวจโดยไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างที่คดียังไม่ถึงที่สุด เสียโอกาสในการแสวงหาข้อเท็จจริงในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์อย่างเต็มที่

ทั้งนี้ที่ผ่านมาแม้ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2552 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม จำคุกตลอดชีวิต และปรับ 1,000,000 บาท

ต่อมาจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยจำเลยได้ปฎิเสธข้อกล่าวหายืนยันความบริสุทธิ์ตั้งแต่ต้นว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่คำฟ้องอ้างถึง อีกทั้งครอบครัวของจำเลยก็ได้ต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมให้จำเลยตลอดมาทั้งจากหน่วยงานรัฐและสื่อมวลชนหลายแห่ง  และในการเขียนฎีกาในคดีนี้ทางทนายความได้อ้างถึงหลักฐานใหม่คือภาพกล้องวงจรปิดที่ได้มาภายหลังการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น ถือเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่สามารถพิสูจน์ว่าพยานหลักฐานมีข้อพิรุธ ภาพวงจรปิดปรากฏว่านายกฤษณะใส่หมวกกั้นน๊อคขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ซึ่งขัดกับคำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจในชั้นจับกุมที่อ้างว่าสายลับระบุว่าเห็นหน้าของคนส่งยาเสพติดชัดเจน จึงแจ้งให้ตำรวจเข้าจับกุมที่บริเวณหน้าบ้านพักของนายกฤษณะและการส่งยาครั้งนี้เป็นครั้งที่สามจึงจดจำจำเลยได้)

นอกจากนี้ในระหว่างการจับกุมนายกฤษณะถูกข่มขู่และถูกทำร้ายร่างกายต่อมาให้คำรับสารภาพในชั้นจับกุมไม่มีทนายของตนเองในขั้นตอนการสอบสวนอีกทั้งคดีนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ขยายผลการจับกุมไม่มีการติดตามเครือข่ายการผลิต ขาย ส่งยา รวมทั้งไม่มีการตรวจสอบบัญชีธนาคารของนายกฤษณะว่ามีความร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ครอบครัวของนาย กฤษณะเป็นครอบครัวที่ยากจนไม่มีบ้านอาศัยเป็นของตนเอง นายกฤษณะก็เรียนหนังสือโดยได้รับเงินทุนการศึกษามาโดยตลอด

อีกทั้งนายกฤษณะ พงษ์ทองได้ยื่นเรื่องราวร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กองพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในชั้นจับกุมและในชั้นสอบสวนของพนักงานสอบสวน ซึ่งกรมคุ้มครองสิทธิฯได้ประสานเรื่องราวร้องทุกข์ของจำเลยพร้อมผู้ต้องขังอื่นอีก 19 รายไปยังสำนักงานจเรตำรวจเพื่อดำเนินการตรวจสอบ พร้อมกับยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อรองปลัดกระทรวงยุติธรรม พตอ. ดุษฎี อารยวุฒิขณะนี้อยู่ระหว่างรอการแจ้งผลการดำเนินการตรวจสอบดังกล่าว

เมื่อมูลนิธิผสานวัฒนธรรมได้รับการร้องขอความช่วยเหลือทางกฎหมายจาก นายกมล พงษ์ทองว่าบุตรชายของตนถูกจับดำเนินคดียาเสพติดและไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของพนักงานสอบสวน โดยคดีนี้ศาลอุทธรณ์ได้อ่านคำพิพากษาแล้วและคดีอยู่ระหว่างฎีกา

มูลนิธิผสานวัฒนธรรมพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีนี้จำเลยและครอบครัวมีฐานะยากจนและเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงสมควรให้ความช่วยเหลือทางคดีโดยไม่คิดมูลค่าเพื่อสนับสนุนให้จำเลยได้มีโอกาสได้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมโดยเปิดโอกาสให้จำเลยได้ต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที นอกจากนี้ทางมูลนิธิฯได้ประสานงานขอเงินอนุมัติเพื่อช่วยเหลือในการปล่อยตัวชั่วคราวได้รับเงินอนุมัติจากกองทุนยุติธรรมของกระทรวงยุติธรรมแล้วเป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท อนุมัติเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2558

ทีมทนายความผู้ได้รับมอบหมายให้ช่วยเหลือคดีนี้ได้ทำการแสวงหาพยานหลักฐาน สอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม รวมทั้งลงพื้นที่ตรวจสอบและบันทึกภาพสถานที่ที่จำเลยถูกจับกุมตัวในสภาวะเวลาที่ใกล้เคียงกับวันที่จำเลยถูกจับกุมตัวที่สุด โดยได้ใช้ประกอบในคำขอฎีกาซึ่งขณะนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยทนายความและบิดามารดาของจำเลยได้เดินทางไปยื่นฎีกาคดีนี้ต่อศาลจังหวัดมีนบุรีในวันที่ 27 กรกฎาคม 2558 ที่ศาลจังหวัดมีนบุรี  ซึ่งจำเลยที่ถูกฟ้องว่าได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 66, 100/1 และ 102 ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาคำร้องขออนุญาตฎีกา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

นางณัฐาศิริเบิร์กแมน (ทนายความ) 085-120-8077

นางสาว จันทร์จิรา จันทร์แผ้ว(ทนายความ) 083-907-2032

Discover more from มูลนิธิผสานวัฒนธรรม

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading

Discover more from มูลนิธิผสานวัฒนธรรม

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading