จดหมายเปิดผนึก
วันที่ 3 กรกฎาคม 2558
เรื่อง ขอเข้าพบเพื่อแสวงหาแนวทางและมาตรการการตรวจเก็บดีเอ็นเอในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้
เรียนผู้อำนวยการกองกำลังรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า
ตามที่คณะกรรมการประจำอนุสัญญาขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติทุกรูปแบบ (CERD) ได้ส่งจดหมายถึงรัฐบาลไทยเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2558 เพื่อสอบถามขอรายละเอียดและคำชี้แจงเพิ่มเติมในกรณี การเข้าตรวจค้นสำนักงานศูนย์วัฒนธรรมสลาตัน BUMI เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2558 และการเก็บดีเอ็นเอ เยาวชนอาสาสมัครของ BUMIจำนวน 8 คน นอกจากนี้ยังมีความ พยายามเข้าตรวจค้นสำนักงานของสมาคมสตรีจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อสันติภาพ PERWANI ตามเอกสารแนบ หมายเลข 1
จดหมายดังกล่าวระบุถึงรายงานการเข้าตรวจเก็บดีเอ็นเอในปี 2555 ทั้งที่โรงเรียนปอเนาะ (ตาร์เบียร์ตุล-วาตันมูลนิธิ) จ.ยะลา และการตรวจดีเอ็นเอของประชาชนในตำบลไทรทอง อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี ทางคณะกรรมการระบุว่า หากเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเป็นความจริง ก็จะถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาขจัดการเลือกปฏิบัติต่อเชื้อชาติ และคณะกรรมการยังมีความกังวลต่อเรื่องที่มีการเก็บดีเอ็นเอของเยาวชนโดยไม่ได้ให้ข้อมูลที่เพียงพอ หรือได้รับความยินยอมอย่างเต็มใจ คณะกรรมการยังเรียกร้องให้รัฐมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อขจัดการตรวจบัตรประชาชน หรือการจับกุมบนพื้นฐานของการมุ่งปฏิบัติการไปที่เชื้อชาติใดเชื้อชาติหนึ่ง ( Racial Profiling) รวมถึงทบทวนการใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงในพื้นที่ให้เทียบเท่ากับมาตรฐานระหว่างประเทศ และตรวจสอบข้อร้องเรียนการละเมิดสิทธิที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งนำตัวบุคคลที่กระทำผิดมารับผิดชอบ
นอกจากนี้คณะกรรมการยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยส่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ระบุข้างต้นภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2558 โดยขอข้อมูลในเรื่องต่างๆ ดังนี้ 1) เหตุผลที่จนท.ทำการเก็บดีเอ็นเอกรณีของอาสาสมัครเยาวชน 2) มาตรการที่บังคับใช้เพื่อติดตามตรวจสอบผลการบังคับใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่สามจังหวัดให้มีการเคารพสิทธิมนุษยชน 3) มาตรการที่จะปกป้องคุ้มครองให้ภาคประชาสังคมไม่ถูกข่มขู่หรือคุกคาม 4) มาตรการที่จะใช้สอบสวนข้อกล่าวหาการละเมิดสิทธิที่ระบุไว้ในจดหมายและผู้กระทำผิดต้องรับผิดชอบหรือไม่
อีกทั้งทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้มีรายงานการตรวจสอบเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2558 เรื่องสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคลและเสรีภาพในการเดินทาง การตรวจเก็บดีเอ็นเอโดยอาศัยอำนาจกฎอัยการศึก โดยมีข้อเสนอให้กอ.รมน.ภาค 4 ทบทวนมาตรการการตรวจและการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ และการปฏิบัติต่อผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนให้สอดคล้องกับกฎหมายทั้งในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศเรื่องการคุ้มครองสิทธิในกระบวนการยุติธรรมต่อเยาวชนและครอบครัว ตามเอกสารที่แนบหมายเลข 2
จากข้อความข้างต้น องค์กรสิทธิมนุษยชนและภาคประชาสังคมตามรายนามด้านล่างนี้มีความเห็นว่า การดำเนินการให้เป็นไปตามข้อเรียกร้องของคณะกรรมการประจำอนุสัญญาขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติทุกรูปแบบ (CERD) ในเรื่องการปฏิบัติงานของหน่วยงานในสังกัดของท่านในส่วนที่เกี่ยวกับการตรวจเก็บดีเอ็นเอนั้นเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากหน่วยงานที่ทำงานในเรื่องเหล่านี้จำต้องมีมาตรฐานและแนวทางในการทำงานที่ได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน ดังนั้น องค์กรสิทธิมนุษยชนและภาคประชาสังคม จึงเรียนมาเพื่อขอเข้าพบท่านและคณะของท่าน เพื่อปรึกษาหารือถึงมาตรการและแนวทางในการปฏิบัติในการตรวจเก็บดีเอ็นเอให้สอดคล้องและเป็นไปตามคำแนะนำ ทั้งจากที่มาจากคำชี้แจงแนวทางโดยคณะกรรมการประจำอนุสัญญาขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติทุกรูปแบบ (CERD) และจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ อันจะนำไปสู่การปฏิบัติงานที่เป็นที่ยอมรับและได้รับความร่วมมือจากประชาชน ตลอดจนเอื้อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างสันติสุขต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
- มูลนิธิผสานวัฒนธรรม – CrCF
- กลุ่มด้วยใจ – Duayjai Group
- เครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี HAP
- มูลนิธินูซันตาราเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา Nusantara
- สำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา LEMPAR
- ศูนย์วัฒนธรรมสลาตัน BUMI
- มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม MAC
- เครือข่ายอาสาผู้ช่วยทนายความ SPAN
- สมาคมสตรีจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อสันติภาพ PERWANI
ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติม
พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ 02-6934939 อิสมาแอ เต๊ะ 085-2527824