เผยแพร่เมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2558
ใบแจ้งข่าว ความคืบหน้าการพิจารณาคดีของศูนย์ทนายฯเดือน มกราคม 2558
ตามที่ศูนย์ทนายฯ ได้แจ้งกำหนดการพิจารณาคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์ทนายฯ ในช่วง 2 อาทิตย์สุดท้ายของเดือนมกราคม 2558 จำนวน 5 คดี จึงขอแจ้งความคืบหน้าของแต่ละคดี ดังนี้
1. คดีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก. ลายจุด ข้อหา ประมวลกฎหมายอาญา ม. 116 และ พรบ. คอมพิวเตอร์ฯ (คดีหมายเลขดำที่ 24ก./2557 ศาลทหารกรุงเทพ)
เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2558 ศาลทหารกรุงเทพได้อ่านคำวินิจฉัยคำร้องขอให้ศาลส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าบทบัญญัติของกฎหมายที่ใช้บังคับกับคดีขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ศาลมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลย โดยวินิจฉัย ประเด็นแรก อำนาจพิจารณาพิพาษาคดีนี้ เห็นว่ากติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ที่ไทยเป็นภาคีและรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 บัญญัติคุ้มครองไว้ตาม มาตรา 4 นั้น เห็นว่าศาลทหารยังมีอำนาจวินิจฉัยคดีตามประกาศคสช.ฉบับที่ 37/2557 ตามมาตรา 47 ของรัฐธรรมนูญนี้ ที่รับรองว่า บรรดาประกาศและคำสั่งของคสช. เป็นประกาศหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญและเป็นที่สุด การพิจารณาพิพากษาของศาลจึงเป็นไปโดยชอบ ส่วนความเป็นอิสระของศาลนั้น แม้จะอยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงกลาโหม แต่ก็เป็นในทางธุรการเท่านั้น การพิจารณาพิพากษาคดีเป็นดุลพินิจของศาลทหารโดยเฉพาะ ประเด็นที่สอง ศาลทหารมีอำนาจส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ เห็นว่าตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 บัญญัติให้ศาลฎีกาหรือศาลปกครองสูงสุดเท่านั้นที่จะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ ไม่มีบทบัญญัติที่เกี่ยวกับศาลทหาร ศาลทหารกรุงเทพจึงไม่อาจส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ ยกคำร้อง
เนื่องจากตาม พรบ. ธรรมนูญศาลทหาร 2498 กำหนดว่าศาลทหารในเวลาไม่ปกติ คือเวลาที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ต้องห้ามอุทธรณ์หรือฎีกา ดังนั้น จำเลยจึงไม่สามารถอุทธรณ์คำสั่งไม่ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ คำสั่งดังกล่าวเป็นที่สุด ศาลทหารกรุงเทพจึงให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
ในวันเดียวกัน ศาลได้ตรวจพยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยอ้างเป็นพยาน โดยโจทก์ได้อ้างส่งเอกสารจำนวน 20 ฉบับ วัตถุพยาน 1 อันดับ และจำเลยได้อ้างส่งเอกสารจำนวน 11 ฉบับ วัตถุพยาน 1 อันดับ และโจทก์แถลงว่าจะนำพยานบุคคลเข้าสืบทั้งหมด 11 ปาก เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 8 ปาก เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร 1 ปาก เป็นเจ้าหน้าที่บริษัทที่ให้บริการอินเตอร์เน็ต 2 ปาก จำเลยแถลงว่าจะนำพยานบุคคลเข้าสืบทั้งหมด 5 ปาก ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 10, 13, 30 มีนาคม 3, 29 เมษายน 4, 5, 24 สิงหาคม 14, 15, 28 กันยายน 2558 เวลา 08.30 น. ของทุกวันนัด โดยจะกำหนดวันนัดสืบพยานจำเลยภายหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้ว
2. คดีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก. ลายจุด ข้อหา ฝ่าฝืนคำสั่งให้บุคคลรายงานตัว และประมวลกฎหมายอาญา ม. 368 (คดีหมายเลขดำ อ. 1515/2557 ศาลแขวงดุสิต)
เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2558 ศาลแขวงดุสิตส่งประเด็นไปสืบพยานที่ศาลแขวงชลบุรี เป็นคดีหมายเลขดำที่ ปอ.3/2558 เนื่องจากเป็นพยานที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ศาลได้สืบพยานโจทก์ 1 ปาก คือ พ.ต.เอกสิทธิ์ นงนุช เจ้าหน้าที่ทหาร กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ค่ายนวมินทราชินีย์ จ.ชลบุรี เบิกความว่าเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2557 ได้รับคำสั่งให้ไปติดตามจับกุมผู้ฝ่าฝืนคำสั่งคสช.ให้บุคคลรายงานตัว จึงนำเจ้าหน้าที่ทหารพร้อมอาวุธประจำกาย กว่า 10 นาย พร้อมตำรวจอีกกว่า 10 นาย เข้าจับกุมนายสมบัติตามกฎอัยการศึก และควบคุมตัวไว้ที่ที่ควบคุมของฝ่ายทหาร โดยในระหว่างการเดินทางมีการปิดตา และไม่อนุญาตให้ติดต่อบุคคลภายนอก และมีการซักถามระหว่างการควบคุมตัว จนกระทั่งวันที่ 12 มิถุนายน 2557 จึงนำตัวนายสมบัติไปแจ้งข้อกล่าวหาที่สโมสรกองทัพบก เทเวศน์ ซึ่งเกินกว่า 7 วัน ตามกฎอัยการศึก เมื่อสืบพยานเสร็จ ผู้แทนโจทก์แถลงว่ามีพยานมาสืบเพียงเท่านี้ ศาลจึงนัดฟังประเด็นกลับ ที่ศาลแขวงดุสิต ในวันที่ 2 มีนาคม 2558 เวลา 09.00 น.
3. คดีนายสิรภพ กรณ์อรุษ ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 112 และ พรบ. คอมพิวเตอร์ฯ (คดีหมายเลขดำที่ 83ก./2557 ศาลทหารกรุงเทพ)
คดีนี้ ศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีลับ บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่คู่ความไม่สามารถเข้าฟังการพิจารณาคดีได้ โดยเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2558 ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์และจำเลย โจทก์แถลงว่าจะสืบพยาน 10 ปาก อ้างส่งเอกสาร 17 ฉบับ และพยานวัตถุ 2 รายการ จำเลยแถลงว่าจะสืบพยาน 3 ปาก และอ้างส่งพยานเอกสาร 2 ฉบับ ศาลกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์และจำเลย รวม 13 นัด นัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 2, 21, 28 เมษายน 8, 15, 28 พฤษภาคม 4, 11, 25 มิถุนายน 3 กรกฎาคม 2558 และสืบพยานจำเลยในวันที่ 6, 11, 25 สิงหาคม 2558 เวลา 08.30 น. ของทุกวันนัด
4. คดีนายสิรภพ กรณ์อรุษ ข้อหา ฝ่าฝืนคำสั่งให้บุคคลรายงานตัว (คดีหมายเลขดำที่ 40ก./2557 ศาลทหารกรุงเทพ)
เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2558 ศาลทหารกรุงเทพได้อ่านคำวินิจฉัยคำร้องขอให้ศาลส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าบทบัญญัติของกฎหมายที่ใช้บังคับกับคดีขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ศาลมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลย และดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป
วันเดียวกัน ศาลได้สืบพยานโจทก์ คือ พันเอกบุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญผู้แจ้งความร้องทุกข์ เบิกความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องอำนาจการออกคำสั่งเรียกบุคคลมารายงานตัวของคสช. และกำหนดความผิดแก่ผู้ที่ฝ่าฝืน โดยจำเลยสู้ว่าคสช.ไม่มีอำนาจเรียกบุคคลมารายงานตัวและกำหนดให้เป็นความผิดอาญาสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่ง แต่การสืบพยานปากนี้ยังไม่เสร็จสิ้น จึงเลื่อนไปสืบพยานคนเดิมอีกในวันที่ 27 มีนาคม 2558 เวลา 08.30 น.
5. คดีระเบิดเวที กปปส. จังหวัดตราด (คดีหมายเลขดำที่ อ. 1213/2557 ศาลจังหวัดตราด)
เมื่อวันที่ 20 – 23 และ 27 – 30 มกราคม 2558 ศาลได้ทำการสืบพยานโจทก์ทั้งสิ้น 16 ปาก ยังเหลือพยานโจทก์ที่จะต้องสืบอีก 15 ปาก โดยเลื่อนไปสืบในวันนัดสืบพยานจำเลยที่ไว้แล้ว คือวันที่ 3-6 กุมภาพันธ์ 2557 โดยคดีนี้จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยถูกซ้อมทรมานระหว่างการควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก และถูกควบคุมตัวเกิน 7 วัน ศาลบอกว่าให้ไปว่ากันเป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก