แถลงการณ์โดยโฆษกข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กรณีประเทศไทย/นักต่อสู้เพื่อสิทธิที่ดิน
9 ธันวาคม 2557
นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนสองคนที่ทำงานประเด็นที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติในภาคใต้ของประเทศได้ถูกสังหารในระยะเวลาห่างกันเพียงสี่วัน ทั้งสองคนมีบทบาทในการตรวจสอบโครงการขนาดใหญ่โดยบริษัทเอกชนในพื้นที่ว่าได้ดำเนินงานอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ นักต่อสู้เพื่อสิทธิที่ดินในประเทศไทยและโดยเฉพาะในภาคใต้ตกเป็นเหยื่อจากการถูกข่มขู่ ก่อกวน และความรุนแรง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดแสดงให้เห็นถึงภัยคุกคามต่อนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นและความจำเป็นที่ทางการจะต้องให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วนในการสร้างความปลอดภัยและความคุ้มครองให้กับพวกเขา
ในกรณีล่าสุด ในวันที่ 30 พฤศจิกายน นายพิธาน ทองพนังถูกยิงเสียชีวิตด้วยอาวุธปืนจำนวนเก้านัดในจังหวัดนครศรีธรรมราช นายพิธานมีบทบาทสำคัญในการต่อต้านโครงการเหมืองในอำเภอนพพิตำ เขายังเป็นโจทก์หลักในคดีที่ศาลปกครองได้สั่งให้บริษัทที่เกี่ยวข้องยุติการดำเนินกิจการเหมืองชั่วคราว นายพิธานถูกยิงขณะที่เขากำลังเดินทางไปพบชาวบ้านเพื่อรวบรวมเงินสนับสนุนเพื่อใช้สำหรับการขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย
สี่วันหลังจากนั้น ในวันที่ 3 ธันวาคม นายสมสุข เกาะกลางได้ถูกยิงเสียชีวิตในสวนปาล์มน้ำมันในจังหวัดกระบี่ระหว่างที่เขากำลังเดินทางไปพบกับชาวบ้านในชุมชน นายสมสุขเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิที่ดินที่มีบทบาทสำคัญในการรณรงค์ในการตรวจสอบว่าสวนปาล์มน้ำมันได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เริ่มการสอบสวนคดีทั้งสองคดีนี้แล้ว
ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยจำนวนไม่น้อยกว่า 35 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิที่ดินและสิทธิชุมชนได้เป็นเหยื่อในการถูกสังหารนอกกระบวนการยุติธรรมและการถูกบังคับให้สูญหาย
ในคดีส่วนใหญ่ บุคคลผู้อยู่เบื้องหลังไม่ได้ถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในสถานการณ์ที่ความยุติธรรมและความรับผิดชอบขาดหายไป ผู้กระทำผิดมีความกล้ามากขึ้นในขณะที่นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนต้องทำงานในสภาวะแห่งความกลัวและความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัย
ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติขอเรียกร้องในเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบคดีการสังหารและการบังคับสูญหายที่เกี่ยวข้องกับนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนอย่างละเอียด ฉับพลัน และเป็นอิสระ เรายังเรียกร้องให้ทางการไทยมีมาตรการในการคุ้มครองนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะนักต่อสู้เพื่อสิทธิที่ดิน ชุมชนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการขนาดใหญ่พึ่งพาอาศัยนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่มีความกล้าหาญในการเป็นปากเสียงและคุ้มครองสิทธิของชุมชน เจ้าหน้าที่รัฐต้องรับประกันความปลอดภัยให้กับนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและชุมชนที่พวกเขาทำงานอยู่เพื่อที่พวกเขาจะสามารถแสดงความคิดเห็นและรวมตัวกันอย่างเป็นอิสระโดยปราศจากความกลัวในการถูกประหัตประหาร