ใบแจ้งข่าว เปิดคำสั่งศาลคดีไต่สวนชันสูตรพลิกศพนายอัสฮารี สะมาแอ ถูกซ้อมทรมานในระหว่างถูกเจ้าหน้าที่จับกุมจนถึงแก่ความตาย
เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.55 ศาลจังหวัดยะลาได้อ่านคำสั่งคดีไต่สวนชันสูตรพลิกศพนายอัสฮารี สะมะแอ ในคดีหมายเลขดำที่ ช.13/2552 คดีหมายเลขแดงที่ ช. 8/2555 ซึ่งรายละเอียดสรุปตามคำพิพากษาต่อไปนี้
ประเด็นที่ 1 เสียชีวิตในระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่
ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า “ตั้งแต่ผู้ตายถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารและเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมและควบคุมตัวที่บริเวณหมู่ที่5 ตำบลสะเอะ อ.กรงปินัง จ.ยะลาจนถึงเวลาผู้ตายถูกนำตัวส่งไปที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลาผู้ตายยังไม่ได้รับการปล่อยตัวจากเจ้าพนักงานผู้ควบคุม ผู้ตายจึงถึงแก่ความตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ตามกฎหมาย”
ประเด็นที่ 2 สาเหตุการตาย
ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า “ในส่วนสาเหตุการตาย การที่นายแพทย์ประชาระบุในรายงานการชันสูตรพลิกศพว่าสมองช้ำสงสัยว่าจะเป็นอุบัติเหตุจราจร เนื่องจากในขณะนั้นยังไม่ทราบข้อมูลประวัติผู้ป่วยว่าเป็นใครมาจากไหนจึงได้ระบุข้อสันนิษฐานไปเช่นนั้นเพราะลักษณะอาการบาดเจ็บของผู้ตายเชื่อว่าต้องโดนแรงกระแทกจากภายนอก แต่เมื่อผู้ตายถูกเจ้าพนักงานจับกุมในฐานะผู้ต้องสงสัย ซึ่งตามคำเบิกความของพันโทณรงค์ฤทธิ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพัน ร. 173 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา ได้รับมอบตัวผู้ตายกับพวกรวม 10 คน จากเจ้าพนักงานผู้จับกุมได้ความว่า นายสิบเสนารักษ์รายงานให้พันโทณรงค์ฤทธิ์ทราบว่า ผู้ตายไม่รู้สึกตัว ไม่มีอาการตอบสนอง ตั้งแต่อยู่สถานีตำรวจภูธรกรงปินัง พันโทณรงค์ฤทธิ์จึงส่งผู้ตายไปตรวจรักษาในระหว่างเดินทางก็ไม่ปรากฏว่ามีอุบัติเหตุใดๆ แสดงว่าผู้ตายต้องได้รับบาดเจ็บมาก่อนหน้านั้น อันเป็นขั้นตอนการจับกุมของเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าพนักงานตำรวจภายใต้การควบคุมรับผิดชอบของร้อยเอกสมคิด คงแข็ง และร้อยตำรวจเอกครรชิต ปานจันทร์ ในชั้นการจับกุม พยานซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมและควบคุมตัวผู้ตายต่างยืนยันว่าได้กระทำการไปตามอำนาจหน้าที่
ประเด็นที่ 3 พฤติการณ์ที่ทำให้นายอัสฮารีได้รับบาดเจ็บ
ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า “… ตามเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงต่ออนุกรรมการเฉพาะกิจในการรณรงค์เพื่อต่อต้านการทรมานฯเอกสารหมาย ค.17 และ ค.18 สรุปว่า เหตุที่ผู้ต้องสงสัยบางคนได้รับอันตรายแก่ร่างกายเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะลื่นหกล้มทำให้ไปกระทบกับของแข็ง เช่น โขดหินหรือต้นไม้ใหญ่ แต่บันทึกข้อความดังกล่าวเป็นเพียงการรวบรวมข้อเท็จจริงจากฝ่ายเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมแต่ฝ่ายเดียวแล้วสรุปผลโดยคาดหมายสาเหตุอาการบาดเจ็บของผู้ที่เกี่ยวข้องว่าลื่นล้ม
แต่ขัดแย้งกับลักษณะบาดแผลที่ศพผู้ตาย ซึ่งมีร่องรอยถูกแรงกระแทกตามร่างกายหลายแห่ง และที่ร่างกายและที่ร่างกายของผู้ถูกจับกุมคนอื่นซึ่งแพทย์ตรวจสอบและบันทึกไว้ประกอบกับพยานซึ่งเป็นผู้ถูกจับกุมด้วยกันกับผู้ตายเป็นประจักษ์พยานเบิกความถึงข้อเท็จจริงในการถูกทำร้ายได้สอดคล้องต้องกันและสอดคล้องกับผลการตรวจชันสูตรพลิกศพผู้ตายและภาพถ่ายศพ โดยมีนายแพทย์ทักษิณแพทย์โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร เป็นผู้ตรวจรักษาเบื้องต้นเป็นคนแรก และบันทึกลักษณะอาการบาดเจ็บไว้ในเอกสารบัตรผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร เป็นพยานหลักฐานประกอบ
นอกจากนี้ เมื่อนางแบเดาะมารดาผู้ตายไปขอรับความช่วยเหลือเยียวยาที่ศาลากลางจังหวัดยะลาก็ได้รับแจ้งว่า ผู้ตายถูกกระทำจากเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่เข้าหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือ พยานหลักฐานที่บิดามารดาผู้ตายนำสืบทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารสอดคล้องต้องกันและสอดคล้องกับความเห็นแพทย์ที่ตรวจรักษาผู้ตายทั้งที่โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร โรงพยาบาลปัตตานี และโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ซึ่งทำรายงานการตรวจชันสูตรพลิกศพผู้ตาย ทำให้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ จากพยานหลักฐานดังกล่าวข้างต้นจึงรับฟังได้ว่าผู้ตายถูกทำร้ายร่างกายหลายแห่งจนได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย
ประเด็นที่ 4 สรุป
จึงมีคำสั่งว่า ผู้ตาย คือนายอัสฮารี สะมาแอ ตายขณะอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2550 เหตุที่ตายเนื่องจากสมองช้ำและพฤติการณ์ที่ตายคือ ผู้ตายถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารและเจ้าพนักงานตำรวจควบคุมตัว และมีการทำร้ายร่างกายผู้ตาย เป็นเหตุให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหารโรงพยาบาลปัตตานี และโรงพยาบาลศูนย์ยะลา แล้วถึงแก่ความตาย
ข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อมูลนิธิผสานวัฒนธรรม น.ส.ภาวิณี ชุมศรี โทร. 083-1896598