[:th]CrCF Logo[:]
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ขอให้นายกฯ ไม่ต่อ พรก.ฉุกเฉิน 3 เดือน เสริมงานพัฒนา เยียวยา และสานเสวนาตามนโยบายของ สมช. และ ศอบต.

Share

เผยแพร่ วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ขอให้นายกฯ พิจารณาทดลองไม่ต่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน 3 เดือน เสริมงานพัฒนา เยียวยาและสานเสวนาตามนโยบายของสมช.และศอบต.

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมส่งจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 3 ลงวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2555 โดยระบุว่าเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2555 คณะรัฐมนตรีได้มีมติขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้คือ จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ต่อไปอีก 3 เดือน เป็นการขยายระยะเวลาครั้งที่ 27 ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 19 มิถุนายน 2555

โดยจดหมายเปิดผนึกระบุว่าขอให้นายกฯ ทดลองไม่ขยายการประกาศการบังคับใช้ พรก. ฉฉฯ ในครั้งต่อไปนี้เป็นระยะเวลาสามเดือน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการทำงานในกรอบนโยบายตามแผนยุทธศาสตร์ของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช) และการทำงานของฝ่ายบริหารโดย ศอ.บต. สามารถดำเนินงานตามแผนที่เน้นการพัฒนา และสร้างสันติภาพดำเนินต่อไปเป็นไปได้ การไม่ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังเป็นส่งเสริมให้เกิดความมั่นใจให้กับประเทศต่างๆ ในประชาคมอาเซียน

ในห้วงเวลาที่ผ่านมาทางรัฐบาลได้กำหนดให้มีคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) และได้เห็นชอบในการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานแบบบูรณาการร่วมกันระหว่างยุทธศาสตร์ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) เน้นงานด้านการพัฒนา และยังคงให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในเน้นงานด้านความมั่นคง ภายใต้กรอบของแผนยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2555-2557 ที่เสนอโดยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

มูลนิธิฯ มีข้อมูลอันเป็นที่ประจักษ์ว่า ศอ.บต. ได้นำนโยบายในการพัฒนาดำเนินการเพื่อฟื้นฟูความเข้าใจและลดเงื่อนไขความรุนแรง สู่การปฏิบัติโดยการเปิดนโยบายการเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนระหว่างการบังคับใช้กฎหมายพิเศษ เช่น มีการซ้อมทรมาน การอุ้มหาย การควบคุมตัวโดยไม่ชอบ การวิสามัญฆาตรกรรม และการปล่อยตัวผู้ถูกควบคุมตัวโดยไม่สามารถดำเนินคดีอาญาต่อบุคคลต้องสงสัยนั้นได้ ซึ่งย่อมเป็นการยอมรับโดยรัฐในการใช้อำนาจในการบังคับใช้กฎหมายพิเศษนั้นที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิ เสรีภาพและความปลอดภัยของประชาชน

นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังพบว่า ศอ.บต. ได้ดำเนินการโดยดำเนินการแก้ไข กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือข้อกฎหายต่างๆ ที่ขัดต่อวิถีชีวิตอัตลักษณ์ของพี่น้องมุสลิม เป็นการยกระดับบรรยากาศของการยอมรับอัตลักษณ์ของบุคคลที่ได้รับการรับรองไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญและหลักกติกาสากล รวมทั้งการเปิดพื้นที่การพูดคุยด้านสันติภาพต่อสาธารณะมากขึ้น
โดยในส่วนแผนการรักษาความมั่นคง ทางมูลนิธิฯ พบว่า ประชาชนไม่ว่าเจ้าหน้าที่รัฐหรือประชาชน ผู้บริสิทธิ์ ยังคงตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง ยังคงความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สิน ขณะเดียวกันการจัดการเพื่อยับยั้ง และปราบปราม โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายที่เน้นไปในการจับกุมและควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัย การจำกัดสิทธิและเสรีภาพที่ยังก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะสิทธิในการเข้าถึงญาติและทนายความ อันนำไปสู่ความไม่โปร่งใสในกระบวนการการซักถาม

มูลนิธิฯ เห็นว่าหากแนวทางนโยบายและการปฏิบัติของฝ่าย ศอ.บต. และ กอ.รมน. เป็นไปในลักษณะของเส้นขนานกับการบังคับใช้ พรก.ฉุกเฉิน ที่ยังจำกัดสิทธิและละเมิดสิทธิในกระบวนการยุติธรรมต่อไป จะทำให้โอกาสในการสร้างให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ในบรรยากาศแบบสันติภาพย่อมเกิดขึ้นจริงได้ยาก จึงเสนอให้ทดลองไม่ขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไปเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อนำสู่การพิจารณาเปรียบเทียบถึงความจำเป็นที่จะยังคงมีการประกาศพรก.ฉฉฯต่อไปในอีก 3 เดือนข้างหน้า

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ปรีดา ทองชุมนุม มูลนิธิผสานวัฒนธรรม 02-6934939
  • สิทธิพงษ์ จันทรวิโรจน์ 089-873 1626
Loader Loading…
EAD Logo Taking too long?

Reload Reload document
| Open Open in new tab

Download [90.94 KB]