[:th]CrCF Logo[:]

ชาวกระเหรี่ยงแม่อมกิ อ.แม่สอด จ.ตาก เตรียมสู้คดี ถ้าศาลตัดสิน ให้ออกจากป่า

Share

ใบแจ้งข่าวคดีแม่อมกิ ชาวกระเหรี่ยงแม่อมกิ เตรียมสู้คดี ถ้าศาลตัดสิน ให้ออกจากป่า เชิญร่วมฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีนายติแป๊ะโพ ณ. ศาลแม่สอดจังหวัดตาก

ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2555 เวลา 9.00 น. ณ ห้องพิจารณาคดี 4 ศาลจังหวัดแม่สอดจะมีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แผนกคดีสิ่งแวดล้อม ในคดีดำหมายเลขที่ 1738/2551 และคดีแดงหมายเลขที่ 1771/2551 ที่นายติเป๊ะโพ ไม่มีชื่อสกุล ตกเป็นจำเลยในฐานความผิดเกี่ยวกับป่าไม้ และป่าสงวน และศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง

สืบเนื่องจากนางน่อเฮหมุ่ย เวียงวิชชา และนายนายดิ๊แปะโพ ไม่มีชื่อสกุล ชาวบ้านในชุมชนแม่อมกิ ตำบลแม่วะหลวง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ซึ่งเป็นชาวปกาเกอญอได้ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ในความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าสงวน แห่งชาติ พ.ศ. 2507 ข้อหาร่วมกันยึดถือครอบครองที่ดิน ตัด โค่น ก่นสร้างแผ้วถางป่า ทำประโยชน์ในที่ดินเขตป่าสงวนฯ และพนักงานอัยการฟ้องจำเลยเป็นคดีหมายเลขดำที่ 1770/2551 และ 1771/2551 ต่อศาลจังหวัดแม่สอดซึ่งเดิมในศาลชั้นต้นจำเลยได้รับสารภาพ คดีจึงไม่มีการสืบพยานประกอบกับขณะนั้นยังไม่มีทนายความ ศาลจึงพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิด ลงโทษจำคุก 1 ปีโดยไม่รอการลงโทษแต่เนื่องจากกระบวนการพิจารณาคดีเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะล่ามไม่ได้สาบานตนศาลอุทธรณ์จึงพิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีใหม่ตามอุทธรณ์ของจำเลย

เมื่อคดีกลับมาพิจารณาคดีอีกครั้งในศาลชั้นต้น จำเลยได้ต่อสู้ในประเด็นสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 66 ว่าบุคคลซึ่งรวมกันเป็นชุมชนชุมชนท้องถิ่นหรือชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมย่อมมีสิทธิอนุรักษ์หรือฟื้นฟูจารีตประเพณีภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น และของชาติและมีส่วนร่วมในการจัดการการบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมรวมทั้งความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยตนอยู่อาศัย และทำกินในพื้นที่ดังกล่าวมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และมีวิถีการทำเกษตรแบบไร่หมุนเวียนซึ่งจะมีแปลงในการทำไร่ 3-4 แปลง และจะทำเพียงแปลงเดียวในแต่ละปี โดยวนแปลงไปเรื่อยๆ

และมีพยานปากสำคัญเป็นนายอำเภอท่าสองยาง และผู้ใหญ่บ้านขณะเกิดเหตุเบิกความสนับสนุนว่าประชาชนในพื้นที่อยู่อาศัย และทำกินมาก่อนมีการประกาศป่าสงวนอีกทั้งมีนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เบิกความถึงรายงานการวิจัยว่าวิถีการทำไร่หมุนเวียนเป็นการผลิตที่สามารถรักษาสมดุลของธรรมชาติไม่ใช่การทำลายป่าไม้และจากภาพถ่ายที่เกิดเหตุเป็นการทำไร่หมุนเวียน ศาลจังหวัดแม่สอดจึงมีคำพิพากษายกฟ้องนางน่อเฮหมุ่ย เวียงวิชชา และนายดิ๊แปะโพ ไม่มีชื่อสกุลทั้งสองคดีเนื่องจากเห็นว่าขาดเจตนาในการกระทำความผิดอัยการจึงยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธธรณ์อีกครั้งหนึ่ง

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2555 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษายกฟ้องนางน่อเฮหมุ่ย เนื่องจากเชื่อว่าจำเลยอยู่ และทำกินมาก่อนประกาศเขตป่าสงวนตามคำให้การพยานทำให้จำเลยสำคัญผิดว่าสามารถเข้าแผ้วถางทำไร่ในที่เกิดเหตุได้ เป็นการขาดเจตนา อย่างไรก็ตามศาลได้มีคำสั่งให้จำเลย และบริวารออกจากป่า ซึ่งขัดกับหลักสิทธิชุมชน ที่บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 66 และ 67 ชาวชุมชนบ้านแม่อมกิ เตรียมสู้คดีอุทธรณ์สิทธิที่จะอยู่ในป่าพื้นที่ทำกินของบรรพบุรุษ ยืนยันไม่ได้ทำลายป่าไม่ได้ทำให้โลกร้อน คดีนี้จึงจะต้องมีการฎีกาต่อไป

ส่วนคดีของนายดิ๊แปะโพ ไม่มีชื่อสกุลกำลังจะมีคำพิพากษาในวันที่ 3 พฤษภาคม2555 จึงขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมทำข่าวและฟังคำพิพากษาตามวันและเวลาดังกล่าว

สอบถามเพิ่มเติม: คุณพูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความ 086-6037339
คุณเลาฟั้ง บัณฑิตเทิดสกุล ทนายความ 089-0715096

Loader Loading…
EAD Logo Taking too long?

Reload Reload document
| Open Open in new tab

Download [162.00 B]